TAWEELAP ROCK 70'

Custom Search

TAWEELAP ROCK RADIO

สวัดดีชาวร็อคทุกท่านครับ

หลังจากบอร์ดพังเป็นครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้เหมือนกัน ผมกลับมาทำอีกครั้งเพราะใจรักจริงๆจุดประสงค์ที่ทำเว็บนี้ขึ้นมาไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝง เพียงเพื่ออยากแลกเปลี่ยนเพลงกันระหว่างสมาชิกเท่านั้นและอยากแบ่งปันประสบการณ์เพลงในยุคเก่าๆเพื่อไม่ให้เพลงเหล่านี้สูญหายไปจากความทรงจำ บางอัลบั้มก็หาซื้อไม่ได้แล้วและบางอันก็ไม่มีจำหน่ายหรือบางทีราคาก็แพงจนรับไม่ได้ เพลงเหล่านี้มีคุณค่าในตัวมันเองมากมายครับ
ในยุค 60 - 70 วงดนตรีมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ละวงมีเอกลักษ์ของตัวเองชัดเจนมาก เล่นมาจากอารมณ์ข้างในมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตหรือไปจนถึงเรืองยาเสพติด
วงดนตรีสมัยนั้นเกือบ 100% พึ่งยาเสพติดในการแต่งเพลงถึงมันจะเป็นด้านลบแต่ด้านบวกมันได้สร้างสรรญผลงานอันทรงคุณค่าและเป็นเป็นอมตะจนถึงปัจจุบันนี้ครับ
ส่วนของหน้าเว็บผมจะโพสเฉพาะบิทเรท 128-256 เท่านั้น ส่วนแบบ 320 KB จะมีในส่วนของเว็บบอร์ด 320 KB ซึ่งท่านต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเข้าห้องได้นะครับ ผมหวังว่าที่แห่งนี้จะอยู่เป็นเพื่อนท่านอีกแห่งนึงนะครับ taweelap ..................... Rock Never Die

History of Rock...!!!

นับตั้งแต่ Bill Haley & His Comets ออกซิงเกิลที่มีชื่อว่า Rock around the clock ในปี 1954 นั้น บทเพลงแนวใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวินาทีนั้นเอง กระแสของดนตรีแนวใหม่เปรียบเสมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ทำลายวัฒนธรรมของ Jazz, Blues รวมไปถึงงานดนตรีที่บรรดาพ่อแม่ของเด็กหนุ่มสาวในยุค 50 จนพินาศสิ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะถือว่าเป็นผู้ฝังรากของดนตรีแนวใหม่ให้ก่อเกิดขึ้น นั่นก็คือ Alan Freed "Father of Rock 'n Roll" ชายคนนี้คือใคร...? ชายคนนี้คือผู้ให้กำเนิดคำว่า Rock 'n Roll นั่นเอง และชายคนนี้ก็เป็นดีเจที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของดนตรี Mainstream ในยุค 50 จนหมดสิ้น คือรายการวิทยุในยุคนั้นไม่มีการนำเพลงของคนดำมาออกอากาศ แต่ Alan ก็นำบทเพลงของคนดำซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาออกอากาศสู้กับ Frank Sinatra ของพวกรุ่นใหญ่ได้อย่างเมามันส์... Little Richard, Jerry Lee Luis, Chuck Berry นั่นเอง หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มจากเมมฟิสอีกคนก็ทำให้ดนตรี Rock 'n Roll ขึ้นสูงจนถึงจุดสุดยอด ชายหนุ่มคนนี้มีลีลาที่ไม่เหมือนใคร บทเพลงที่ไพเราะและรูปร่างหน้าตาสุดหล่อ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "The King" Elvis Presley นั่นเอง (อย่าด่า Elvis ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง เพราะอาจโดนตบได้) หลังจากที่ Elvis โด่งดังจนถึงขีดสุด ซิงเกิลฮิตอันมากมายมหาศาลเพียงไรก็ตาม มันก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง... ... ในต้นยุค 60 ก็มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่มีความนิยมไม่แพ้ Elvis เลยนั่นก็คือเด็กหนุ่มจากเมือง Liverpool ใครวะ...? บางคนอาจจะถาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีกลุ่มนี้ก็คือ The Beatles นั่นเอง The Beatles ได้สร้างปรากฏการณ์ทางดนตรี Rock อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทเพลงหลากหลายของ The Beatles นั้นขึ้นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว และเป็ศิลปินที่มีซิงเกิลขึ้นอันดับหนึ่งมากที่สุดในโลก ความนิยมของ The Beatles ในตอนต้นยุค 60 นั้นก็ทำให้มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าเป็นด้านมืดของ The Beatles ก็ว่าได้ ภาพของ The Beatles คือดนตรีแห่งสวรรค์ แต่บทเพลงของวงดนตรีอีกวงนั้นก็เป็นด้านนรกไปเลย ภาพลักษณ์อันตรงกันข้ามกับ The Beatles นั้นก็สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเค้ามาจนถึงปัจจุบัน The Rolling Stones นั่นเอง... ในช่วงยุค 60 นั้นวงดนตรีจากฝั่งอังกฤษเข้าบุกถล่มแผ่นดินอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นสูตรสำเร็จของดนตรี ถ้าจะพิสูจน์ตัวเอง ต้องไปดังที่อเมริกาให้ได้ กาลเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงยุคสงครามเวียดนามระเบิดขึ้น การเรียกร้องสันติภาพ เสรีภาพระบาดรุนแรงไปทั่ว... วงการดนตรีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดังบทเพลง The time they are a changin' ของ Bob Dylan ในช่วงปลายๆ ยุค 60 ก็มีการเล่นดนตรีผสมกับยาเสพติดขึ้น... Psychedelic คือคำเรียกของดนตรีแนวนี้... (ซึ่งก็จะรวมไปถึง Progressive, Acid และแนวดนตรีที่มีกลิ่นอายใกล้เคียงกัน) แนวทางของดนตรีในช่วงปลายยุค 60 นั้นสร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ดนตรีลูกผสม" หรือดนตรีแนวทดลองขึ้นมาอย่างกว้างขวาง... หลากหลายบทเพลงมีการนำดนตรีมาผสมกับยาเสพติดกันอย่างรุนแรง... The Doors, The Grateful Dead, King Crimson ซึ่งก็รวมไปถึง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ที่หันเหไปทางดนตรีแนว Psychedelic อย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทำให้ดนตรี Rock ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดกับชายผู้หนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นนักกีตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาล... Jimi Hendrix & The Experience นั่นเอง เสียงที่ Jimi Hendrix สร้างขึ้นมาทำให้เค้ากลายเป็นเทพเจ้าในชั่วข้ามคืน หลายบทเพลงของ Hendrix สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคต่อมาอย่างรุนแรง... ... เข้าสู่ยุค 1970 กันเสียที... หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของ Hendrix ไปนั้น ดนตรี Rock ก็ยังไม่ถึงกาลดับสูญ... Black Sabbath ได้นำเสียงแตกสั่นและหนักแน่นเข้ามากระแทกหูคนฟังบทพื้นพิภพนี้ เสียงที่ Black Sabbath สร้างออกมานั้นก็สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock สาย Thrash Metal, Death Metal และ Black Metal ในยุคหลังๆ ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของ Black Sabbath ได้ (นอกจากเกรียน) ยังไม่พอ... Deep Purple ก็สร้างตำนานให้กับตัวเองด้วยเพลง Smoke on the water ที่เป็นท่อน Riff อมตะอีกบทเพลง รวมไปถึงการโซโลกีตาร์และคีย์บอร์ดอันรวดเร็วและเมามันส์ของพวกเค้าก็เป็นพื้นฐานให้ดนตรีในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี... นี่เราต้องพูดถึงวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าขึ้นหิ้งอันไม่สามารถลบหลู่ได้อีกวง... Led Zeppelin นั่นเอง... บทเพลงที่ Zep สร้างขึ้นมานั้นรวมไปถึงเทคนิคกีตาร์ที่ Jimmy Page สร้างขึ้นมาก็เป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องคิดอะไร ฟังแค่ Stairway to heaven ที่ถือว่าเป็นบทเพลงชาวเมทัลทั้งหลายทั้งปวง... มันยังไม่จบหรอกนะ Michael Schenker ก็สร้างเสียงกีตาร์ของตัวเองออกมาบ้าง Rock Bottom นั้นเปรียบเสมือนระเบิดที่ทำให้วงการดนตรี Rock เปลี่ยนไป... ขอข้ามแนวจาก Hard Rock มายังอีกแนวเพลงนึงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือบทเพลงที่พัฒนามาจากแนว Psychedelic นั่นก็คือ Progressive Rock นั่นแหละ... ความซับซ้อนทางดนตรี รวมไปถึงความเป็นอัจฉริยะของนักดนตรีที่สร้างบทเพลงแห่งความล่องลอยและตำนานการติดบิลบอร์ดอันยาวนานของ Dark Side of The Moon โดยศิลปิน Pink Floyd นั้นยังหาใครมาทาบรัศมีได้เลย... ยังมีผู้ใดที่เคลือบแคลงความยิ่งใหญ่ของพวกเค้าอีกไหมถ้ารู้ว่าเค้าสามารถขายงานได้ 250 ล้านแผ่นทั่วโลกเนี่ย...? ดนตรีในยุค 70 ก็มีความหลายหลายและมนต์เสน่ห์เพียงไรถ้าเราได้ฟังงานสุดคลาสสิคของ The Eagles ที่นำเสียงของ Hard Rock เข้ามาผสมกับ Southern Rock กันอย่างลงตัวกับบทเพลง Hotel California ซึ่งก็รวมไปถึงมหากาพย์ของดนตรีอย่างเพลง Freebirds ของ Lynyrd Skynyrd...!!! ยังไม่จบ... ดนตรีที่เรียกกันว่าหัวก้าวหน้าในยุค 70 นั้นเราจะลืม "ราชันต์ในนามราชินี" Queen กับบทเพลง Bohemian Rhapsody ได้เหรอ...? ย้อนเวลาไปช่วงต้นๆ 70 กันอีกครั้งนะ Neil Young & The Crazy Horse, Iggy Pop & The Stooges, New York Dolls และ MC5 ก็สร้างบทเพลงแห่งความก้าวร้าวรุนแรงขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันก็เหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด... และมันก็ระเบิดออกมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 กับวงดนตรี Sex Pistols (และอีกหลายๆ วง) นั่นก็คือแนวดนตรีที่เรียกว่า Punk นั่นเอง แนวดนตรี Punk นั้นสร้างความนิยมอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อ Hard Rock อย่างมาก จนทำให้แนวดนตรี Hard Rock แทบจะสูญสลายไปเลย แต่มันก็ยังไม่ตายเสียทีเดียวหรอกนะ ดนตรีที่กำเนิดขึ้นมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 นั่นก็คือ New Wave of British Heavy Metal นั่นเอง...!!! ... ช่วงรอยต่อของยุค 70 กับ 80 นั้นงานดนตรีมีการฑัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วงดนตรีที่เรียกตัวเองว่าเป็น NWOBHM ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนทำให้ดนตรี Punk กลายพันธ์ไป (จะกล่าวถึงภายหลัง) หัวหอกของดนตรีแนว NWOBHM ก็มีเช่น Iron Maiden, Judas Priest, Motor Head, Diamond Head, Def Leppard และถ้าเราไม่นับชายคนนี้ก็ไม่ได้ Ozzy Osbourne ชายผู้ที่ยืนอยู่บนยอดสุดของพีรามิดแห่ง Metal นั่นเอง หลากหลายบทเพลงที่ Ozzy Osbourne Band สร้างขึ้นมาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับดนตรี Rock เป็นอย่างสูง ซึ่งผนวกกับนักกีตาร์โนเนมแต่ฝีมือระดับเทพอย่าง Randy Rhodes ทำให้นักกีตาร์หลายคนในยุคต่อมาหันมาหลงไหลกับมนต์เสน่ห์ของเค้ากันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น... เราข้ามไปที่ฝั่งอเมริกากันบ้างนะ... นักกีตาร์ระดับเทพอีกคนก็สร้างความสั่นสะเทือนวงการกับเทคนิกกีตาร์อันแพรวพราว รวมไปถึงการเอนเตอร์เทนคนดู Van Halen นั่นเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องสาธยายความสุดยอดของพวกเขานะ... ดนตรีในต้นยุค 80 นั่นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีแนวดนตรีเกิดใหม่มากมาย Metallica, Megadeth, Anthrax, Exodus คือพวกแรกๆ ที่นำความหนักหน่วงของ Black Sabbath มาผสมความมันส์สะเด่าของดนตรี Punk และกลิ่นอายอันฉุนกึ้กของ NWOBHM กันจนเกิดแนวดนตรีที่เรียกว่า Thrash Metal นั่นเอง... หลังจากนั้นไม่นาน แนวดนตรี (หลัก) ก็ถือกำเนิดตามมาหลังจาก Thrash Metal นั่นก็คือ Death Metal และ Black Metal นั่นเอง แต่ความรุนแรงในยุค 80 ก็มีอีกแนวดนตรีอีกแนวที่มีความสนุกสนานและหญิงตรึมอย่าง Glam Metal หรือที่เรารู้จักกันดีกับ Hair Metal นั่นเอง Bon Jovi, Skid Row, Cinderella และอีกหลายร้อยวงที่สร้างแฟนเพลงให้กับตนเองอย่างมากมาย ซึ่งก็รวมไปถึง Guns N' Roses นั่นแหละ... ความนิยมของดนตรีแนว Heavy Metal นั้นสุดสะเด่าไปเลย จวบจนถึงช่วงปลายยุค 80 ที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมชมชอบความรุนแรง ความบ้าระห่ำของการเล่น รวมไปถึงเสียงอันแตกสนั่นที่มาจากความเรียบง่ายของ Neil Young (ไม่เชื่อก็ไปหาวิดิโอการแสงสดของ Neil Young มาดูแล้วจะรู้ว่าป๋า Neil นั้นเล่นกีตาร์ได้รุนแรงและทำร้ายกีตาร์ขนาดไหนเอาเองเด้อ) นั่นก็คือเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มจาก Seattle นั่นเอง Nirvana คือวงดนตรีที่ได้รับคามนิยมอย่างรวดเร็วและรุนแรง การเล่นกีตาร์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเทคนิกอันแพรวพราวเหนือชั้นแบบ Steve Vai หายไป กลิ่นอายของดนตรีที่เรียกตัวเองว่า Seattle Sound หรือ Grunge หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย (มันจะสร้างแนวกันทำไมเยอะแยะวะ จำไม่ไหววุ้ย) ทำให้ดนตรีในยุคปลาย 80 นั้นเปลี่ยนไป... ... ดนตรีในยุค 90 นั้นถือว่าเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย งาน Ten ของ Pearl Jam, Nevermind ของ Nirvana, Use Your Illusion I และ II ของ Guns N' Roses, Metallica (Black Album) ของ Metallica คือตัวอย่างที่น่าจะชัดเจน ซึ่งในยุค 90 นี้เองวงดนตรีที่กำเนิดมานั้นต่างยอมรับว่าตนเองนั้นได้รับแรงบรรดาลใจมาจากรุ่นพี่ รุ่นพ่อในอดีตกันแทบทั้งนั้น มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปหางานของพวกเขามาฟังกันดีๆ จะได้กลิ่นอายของดนตรีในยุคก่อนหน้ากันทั้งนั้น บางวงอาจได้กลิ่นของหลายๆ วงเสียด้วยซ้ำไป... ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจไปถ้าบางวงอาจจะนำเสียงใหม่ๆ เข้ามาสู่ตัวเองและไม่อายที่จะทำถ้ามันทำให้เสียงของตัวเองมีความหลากหลาย อย่างเช่นแนวดนตรี Power Metal, Grindcore, Hardcore, Melodic Metal, Brutal Death Metal, Doom Metal, ฯลฯ ปฏิเสธกันได้ไหมว่าดนตรีที่เกิดมาในยุคหลังๆ นี้ไม่มีการนำเสียงจากอดีตมาทำให้เข้ากับยุคสมัย...? ฉะนั้นแล้วการแบ่งแยกแนวดนตรีน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ เพื่อการฟัง แต่การดูถูกแนวดนตรีที่เราไม่ได้ฟังนั้นเป็นเรื่องตลกมากกว่า ไม่มีดนตรีแนวไหนทำออกมาห่วยหรือดีเลิศประเสริฐศรี ของเหล่านี้แบ่งแยกได้อย่างเดียวคือชอบฟังกับไม่ชอบฟังแค่นั้นเอง ชอบก็ฟังไป ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟัง ทำไมต้องดูถูกแนวดนตรีแนวอื่นด้วย ทั้งๆ ที่รากฐานของดนตรีในยุคปัจจุบันนี้ต่างก็มาจากจุดเดียวกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราจงมาฟังดนตรีกันอย่างมีความสุขกันเถิด ใครจะฟังเพลงเพื่อสร้างภาพให้กับตัวเองก็ช่างหัวมันประไร...!!!

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Grand Funk - The 1971 Tour (Unreleased Live 1971)

01. Intro (Also Sprach Zarathustra) (Strauss) - 1:39
02. Are You Ready (Farner) - 3:11
03. Footstompin' Music (Farner) - 5:24
04. Paranoid (Farner) - 6:03
05. I'm Your Captain (Farner) - 5:48
06. Hooked on Love (Farner) - 2:45
07. Get It Together (Farner) - 2:46
08. T.N.U.C. (Farner) - 17:12
09. Inside Looking Out (Arr. Lomax/Burdon/Chandler/Lomax) - 15:30
10. Gimme Shelter (Jagger/Richards) - 8:44
11. Into the Sun (Farner) - 9:50

Fresh Maggots - Selftitled (1971)

01. Dole Song
02. Rosemary Hill
03. Quickie
04. Everyone’S Gone To War
05. And When She Laughs
06. Spring
07. Balloon Song
08. Guzz Up
09. Who’S To Die
10. Elizabeth R
11. Frustration
Bonustracks:
12. Car Song (Non-Album Track)
13. What Would You Do?
14. Frustration (Live)
15. Rosemary Hill (Live)
16. Quickie (Live)
17. And When She Laughs (Live)
18. Spring (Live)

Framework - Skeleton (1969) (2-CD)

Disc 1:
01 - I'm Gonna Move - 3.30
02 - Flotz - 3.19
03 - The Direction - 5.43
04 - You're Going Home - 4.29
05 - Iron Door - 3.49
06 - Funny Kind Of Sunshine - 2.25
07 - Get Out Of My Room - 1.47
08 - Like A Child - 4.17
09 - Conscence Be Your Guide - 3.21
10 - Wind Chimes - 3.39
11 - Last Sad Song - 8.11
Disc 2:
01 - Beautiful Weather - 3.00
02 - I'm Gonna Move - 3.40
03 - Wind Chimes - 5.29
04 - These Things I Know - 5.34
05 - Like A Child - 3.48
06 - Get Out Of My Room - Good Times - 14.14
07 - Get Out Of My Room - Good Times (2nd) - 13.12

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Neil young - zuma (1975)


อย่าพลาดนะครับกับอัลบั้มชุดนี้ !!!!
1. Neil Young & Crazy Horse - Don't Cry No Tears (2:35)
2. Neil Young & Crazy Horse - Danger Bird (6:54)
. Neil Young & Crazy Horse - Pardon My Heart (3:47)
4. Neil Young & Crazy Horse - Lookin' For a Love (3:16)
5. Neil Young & Crazy Horse - Barstool Blues (3:00)
6. Neil Young & Crazy Horse - Stupid Girl (3:12)
7. Neil Young & Crazy Horse - Drive Back (3:33)
8. Neil Young & Crazy Horse - Cortez the Killer (7:31)
9. Neil Young & Crazy Horse - Through My Sails (2:39)

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Diamondhead - Selftitled (1972-73)

01. When the Blues Come Walking
02. In the City
03. Crazy Man
04. Let's Have Some Fun
05. Love in the Morning
06. Strange Lady
07. Lady of the Night
08. No Name Singer
09. Poor Man
10. My Ship Is Coming In
11. This Laid Back Life
12. One That Got Away
13. This Is a Love Song

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

UFO - The Best Of UFO (The Gold Collection)(1996)


1- Doctor Doctor
2- Only You Can Rock Me
3- Let It Roll
4- Shoot Shoot
5- Let It Rain
6- When It's Time To Rock
7- Rock Bottom
8- Love To Love
9- High Flyer
10- Can You Roll Her
11- Pack It Up (And Go)
12- Hot & Ready
13- This Time
14- Long Gone
15- Young Blood
16- Lonely Heart

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Byzantium - Live & Studio (1972)

01. Flashing Silver Hope
02. Cowboy Song
03. Feel It
04. What A Coincidence
05. Something You Said
06. I Can See You
07. Morning
08. I'll Just Take My Time
09. Surely Peace Will Come To Those Who Try
10. If You Wanna Be My Girl
11. Oh Darling
12. Move With My Time

Jimi Hendrix & Traffic

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

procol harum - procol harum (1967)

1. Procol Harum - Conquistador (2:40)
2. Procol Harum - She Wandered Through The Garden Fence (3:27)
3. Procol Harum - Something Following Me (3:40)
4. Procol Harum - Mabel (1:55)5. Procol Harum - Cerdes (Outside The Gates Of) (5:05)
6. Procol Harum - Christmas Camel (4:51)
7. Procol Harum - Kaleidoscope (2:56)
8. Procol Harum - Salad Days (Are Here Again) (3:40)
9. Procol Harum - Good Captain Clack (1:33)
10. Procol Harum - Repent Walpurgis (5:03)
11. Procol Harum - A Whiter Shade Of Pale (4:09)
12. Procol Harum - Lime Street Blues (3:01)
13. Procol Harum - Homburg (3:56)
14. Procol Harum - Monsieur Armand (2:25)
15. Procol Harum - Seem To Have The Blues All The Time (2:46)

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

The Byrds - Mr.Tambourine Man (1965)

01."Mr. Tambourine Man" (Bob Dylan) –2:29
02."I'll Feel a Whole Lot Better" (Gene Clark) –2:32
03."Spanish Harlem Incident" (Bob Dylan) –1:57
04."You Won't Have to Cry" (Gene Clark/Jim McGuinn) –2:08
05."Here Without You" (Gene Clark) –2:36
06."The Bells of Rhymney" (Idris Davies/Pete Seeger) –3:30
07."All I Really Want to Do" (Bob Dylan) –2:04
08."I Knew I'd Want You" (Gene Clark) –2:14
09."It's No Use" (Gene Clark/Jim McGuinn) –2:23
10."Don't Doubt Yourself, Babe" (Jackie DeShannon) –2:54
11."Chimes of Freedom" (Bob Dylan) –3:51
12."We'll Meet Again" (Ross Parker/ Hughie Charles) –2:07Bonus Tracks:
13."She Has a Way" (Gene Clark) – 2:25
14."I'll Feel a Whole Lot Better" [Alternate Version] (Gene Clark) – 2:28
15."It's No Use" [Alternate Version] (Gene Clark/Jim McGuinn) – 2:24
16."You Won't Have to Cry" [Alternate Version] (Gene Clark/Jim McGuinn) – 2:07
17."All I Really Want to Do" [Single Version] (Bob Dylan) – 2:02
18."You and Me" [Instrumental] (David Crosby/Gene Clark/Jim McGuinn) – 2:11

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Grand Funk Railroad - On Time (1969)


01."Are You Ready?"
02."Anybody's Answer"
03."Time Machine"
04."High on a Horse"
05."T.N.U.C."
06."Into the Sun"
07."Heartbreaker"
08."Call Yourself a Man"
09."Can't be too Long"
10."Ups and Downs"
11."High On A Horse" (original version)
12."Heartbreaker" (original version)


Captain Beyond - Selftitled (Good Hardrock w. Rod Evans - Deep Purple)

ใครยังไม่เคยฟังวงนี้บ้างครับ โหลดไปฟังซะดีๆ !!!!!
01. Dancing Madly Backwards (On a Sea of Air)
02. Armworth
03. Myopic Void
04. Mesmerization Eclipse
05. Raging River of Fear
06. Thousand Days of Yesterdays (Intro)
07. Frozen Over
08. Thousand Days of Yesterdays (Time Since Come and Gone)
09. I Can't Feel Nothin', Pt. 1
10. As the Moon Speaks (To the Waves of the Sea)
11. Astral Lady
12. As the Moon Speaks (Return)
13. I Can't Feel Nothin', Pt. 2

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Rainbow - Ritchi Blackmore's Rainbow (Classic Hardrock UK 1975) !!!

Size: 75.6 MB
Bitrate: 256
01. "Man on the Silver Mountain" – 4:42
02. "Self Portrait" – 3:17
03. "Black Sheep of the Family" (Steve Hammond) – 3:22
04. "Catch the Rainbow" – 6:27
05. "Snake Charmer" – 4:33
06. "The Temple of the King" – 4:45
07. "If You Don't Like Rock 'n' Roll" – 2:38
08. "Sixteenth Century Greensleeves" – 3:31
09. "Still I'm Sad" (Paul Samwell-Smith, Jim McCarty) – 3:51

Warhorse - Selftitled (1970)

01. Vulture Blood 6:13
02. No Chance 6:22
03. Burning 6:17
04. St. Louis 3:50
05. Ritual 4:54
06. Solitude 8:48
07. Woman of the Devil 7:16
08. Ritual [live] 5:06
09. Miss Jane [demo version] 3:37
10. Solitude [live] 4:52
11. Woman of the Devil [live] 6:45
12. Burning [live] 6:09

Stackwaddy - Selftitled (1971)

01. Roadrunner McDaniel 3:26
02. Bring It to Jerome Green 5:18
03. Mothballs Banham, Knail, Revell, Stott 3:35
04. Sure Nuff 'N' Yes I Do Bermann, VanVilet 2:29
05. Love Story Anderson 2:19
06. Suzie Q Broodwater, Hawkins, Lewis 2:27
07. Country Line Special Davies 3:55
08. Rolling Stone Waters 3:25
09. Mystic Eyes Morrison 6:05
10. Kentucky Banham, Knail, Revell, Stott 2:42

Armageddon - Selftitled (1975)

01.Buzzard - 8:16
02. Silver Tightrope - 8:23
03. Paths And Planes And Future Gains - 4:30
04. Last Stand Before - 8:23
05.
a) Basking In The White Of The Midnight Sun - 11:24
b) Warning Coming On - 3:05
c) Brother Ego - 5:13
d) Basking In The White Of The Midnight Sun Reprise - 2:05

Flower Travelling Band - Anywhere 1970

01.ANYWHERE
02.LOUISIANA BLUES
03.BLACK SABBATH
04.HOUSE OF RISING SUN
05.TWENTY-FIRST CENTURY SCHIZOID-MAN
06.ANYWHERE

Warhorse - Red Sea

01. Red Sea
02. Back In Time
03. Confident But Wrong
04. Feeling Better
05. Sybilla
06. Mouthpiece
07. I (Who Have Nothing)
08. Ritual (Live)
09. Bad Time (Demo)
10. She Was My Friend (Demo)
11. Gypsy Dancer (Demo)
12. House Of Dolls (Demo)
13. Standing Right Behind You (Demo)

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Big Bertha Featuring Cozy Powell - Live In Hamburg 1970 (2CD)

CD1
01. Dave's Idiot Dance
02. Beast
03. Ring Of Fire
04. She's Not There
05. Munich City
06. Spoonful
CD2
07. Crossroads
08. Stumble
09. Never Gonna Let My Body T
10. Rhapsody In Blue
11. Set Me Free

Parrish Hall - Parrish Hall (Heavy Bluesrock 1970)


01 My Eyes Are Getting Heavy
02 Dynaflow
03 Ain't Feeling Too Bad
04 Silver Ghost
05 Skid Row Runner
06 Lucanna
07 We're Gonna Burn Together
08 Somebody Got the Blues
09 How Can You Win10 Take Me With You When You Go

Odyssey - Setting Forth (1969)


หายากมากครับชุดนี้ !!!!
01 - Angel Dust - 5.43
02 - Sally - 4.34
03 - Church Yard - 3.00
04 - You´re Not There - 3.44
05 - Got To Feel It - 3.17
06 - Tied By A Rope - 4.24
07 - Society´s Child - 5.02
08 - Denky´s Boogie - 4.43
09 - St. Elmo´s Fire - 3.04
10 - Come Back - 3.29

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551

UFO - The Best Of The Rest (1988)

1- The Writer
2- Mystery Train
3- Makin' Movies
4- Night Run5- You And Me
6- Alpha Centauri
7- Lettin' Go8- Something Else
9- Blinded By A Lie10- Diesel In The Dust
11- Chains Chains
12- This Time
13- Back Into My Life
14- The Way The Wind Blows
15- Money, Money
16- Let It Rain
17- A Fool For Love

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Stevie Ray Vaughan (1978) 320 KB

หากเราคิดถึงมือกีตาร์ในแนว Texas Bluseสักคนหนึ่งเราคงต้องนึกถึงเขาอย่างแน่นอน "สตีวี่ เรย์ วอน์ส" ผู้ซึ่งเคยได้รับสมญาว่า "Hendrix ผิวขาว" สตีวี่เป็นคนเล่นกีตาร์ได้ดีคนหนึ่ง การเล่นกีตาร์ของเขาๆไม่ได้เล่นด้วยมือหรือด้วหูเพียงอย่างเดียว แต่เขาเล่นมันด้วยใจ ถ้าท่านเคยเห็นการแสดงสดของ สตี่วี่ เรย์ คนนี้...ท่านจะทึ่งในลีลาและการเล่นที่ออกมาจากใจเขาอย่างมาก. ประวัติ... สตีวี่ เรย์เกิดเมื่อ 3ตุลาคม ปี 1954 ในตระกูล Vaughan เริมที่จะจับกีตาร์ไฟฟ้าเมื่ออายุได้ราว 8 ขวบปี โดยส่วนหนึ่งเขาได้รับอิทธิผลทางการดนตรีมาจากพี่ชายของเขาที่ชื่อว่า "จิมมี่" เขาฟังและศึกษาผลงานจากนักดนตรีบูลส์ยุคก่อนคือ B.B.KING - Jimmy Reed - Albert Collinsเป็นต้น สตีวี่มีกีตารืฮีโร่ในหัวใจคนหนึ่งคือ Jimi Hendrix เขาชอบเอามากๆกับเฮนดริกส์ และเขาก็เป็นนักกีตาร์เพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาเพลงของเฮนดริกส์ มาเล่นได้อย่างเข้าถึงอารมณ์อย่างแท้จริง ปี 1971 เขาก็ได้ฝากฝีมือทางกีตาร์ไว้กับวงดนตรีวงหนึ่งในดัลลัส หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการหาประสบประการณ์ทางดนตรีเพิ่มเติม ต่อมาเขาได้ตั้งคณะของตนเองขึ้นที่ชื่อว่า Double Trouble แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่เขาไม่อาจจะอยู่กับคนดนตรีได้นาน เขาก็ต้องจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับมา นั่นคือในปี 1990 วันที่ 27 สิงหาคม เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งตก และในฮ.ลำนั้นมีนักดนตรีที่ชื่อว่า "Stevie Ray Vaughan"นั่งอยู่ด้วย เขาจากไปเมื่ออายุได้เพียง 36 ปี เท่านั้น. ผลงานที่น่าสนใจ. อัลบั้ม In step ปี 1989 อัลบั้ม Texas Flood ปี 1983 และอีกหลายๆอัลบั้มของเขา ฯลฯ
01. You Can Have My Husband (Lou Ann vocal)
02. Rude Mood
03. Pride And Joy (Stevie vocal)
04. Oh, Yeah (Lou Ann vocal)
05. Love Struck Baby (Stevie vocal)
06. Ti-Ni-Nee-Ni-Nu ("Tina Nina Nu", Lou Ann vocal)
07. Gonna Miss Me ("Empty Arms", Stevie vocal)
08. I Wonder Why ("Will My Man Be Home Tonight?" > Lou Ann vocal, Stevie slide guitar)
09. I'm Crying ("I'm Crying", Stevie vocal)
10. Sugar Coated Loving ("Sugar Coated Love", Lou Ann vocal)
11. Natural Born Lover
12. Ti-Ni-Nee-Ni-Nu ("Tina Nina Nu")
13. Scratch My Back
14. I'll Change
15. Shake A Hand, Shake A Hand
16. Oh Baby
17. Sugar Coated Love
18. Love In Vain
19. You Can Have My Husband (starts off with "So Excited")
20. My Baby's Gone ("Oh Yeah")
ลิ้งค์อยู่ที่บอร์ด 320 KB ครับ