TAWEELAP ROCK 70'

Custom Search

TAWEELAP ROCK RADIO

สวัดดีชาวร็อคทุกท่านครับ

หลังจากบอร์ดพังเป็นครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้เหมือนกัน ผมกลับมาทำอีกครั้งเพราะใจรักจริงๆจุดประสงค์ที่ทำเว็บนี้ขึ้นมาไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝง เพียงเพื่ออยากแลกเปลี่ยนเพลงกันระหว่างสมาชิกเท่านั้นและอยากแบ่งปันประสบการณ์เพลงในยุคเก่าๆเพื่อไม่ให้เพลงเหล่านี้สูญหายไปจากความทรงจำ บางอัลบั้มก็หาซื้อไม่ได้แล้วและบางอันก็ไม่มีจำหน่ายหรือบางทีราคาก็แพงจนรับไม่ได้ เพลงเหล่านี้มีคุณค่าในตัวมันเองมากมายครับ
ในยุค 60 - 70 วงดนตรีมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ละวงมีเอกลักษ์ของตัวเองชัดเจนมาก เล่นมาจากอารมณ์ข้างในมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตหรือไปจนถึงเรืองยาเสพติด
วงดนตรีสมัยนั้นเกือบ 100% พึ่งยาเสพติดในการแต่งเพลงถึงมันจะเป็นด้านลบแต่ด้านบวกมันได้สร้างสรรญผลงานอันทรงคุณค่าและเป็นเป็นอมตะจนถึงปัจจุบันนี้ครับ
ส่วนของหน้าเว็บผมจะโพสเฉพาะบิทเรท 128-256 เท่านั้น ส่วนแบบ 320 KB จะมีในส่วนของเว็บบอร์ด 320 KB ซึ่งท่านต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเข้าห้องได้นะครับ ผมหวังว่าที่แห่งนี้จะอยู่เป็นเพื่อนท่านอีกแห่งนึงนะครับ taweelap ..................... Rock Never Die

History of Rock...!!!

นับตั้งแต่ Bill Haley & His Comets ออกซิงเกิลที่มีชื่อว่า Rock around the clock ในปี 1954 นั้น บทเพลงแนวใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวินาทีนั้นเอง กระแสของดนตรีแนวใหม่เปรียบเสมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ทำลายวัฒนธรรมของ Jazz, Blues รวมไปถึงงานดนตรีที่บรรดาพ่อแม่ของเด็กหนุ่มสาวในยุค 50 จนพินาศสิ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะถือว่าเป็นผู้ฝังรากของดนตรีแนวใหม่ให้ก่อเกิดขึ้น นั่นก็คือ Alan Freed "Father of Rock 'n Roll" ชายคนนี้คือใคร...? ชายคนนี้คือผู้ให้กำเนิดคำว่า Rock 'n Roll นั่นเอง และชายคนนี้ก็เป็นดีเจที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของดนตรี Mainstream ในยุค 50 จนหมดสิ้น คือรายการวิทยุในยุคนั้นไม่มีการนำเพลงของคนดำมาออกอากาศ แต่ Alan ก็นำบทเพลงของคนดำซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาออกอากาศสู้กับ Frank Sinatra ของพวกรุ่นใหญ่ได้อย่างเมามันส์... Little Richard, Jerry Lee Luis, Chuck Berry นั่นเอง หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มจากเมมฟิสอีกคนก็ทำให้ดนตรี Rock 'n Roll ขึ้นสูงจนถึงจุดสุดยอด ชายหนุ่มคนนี้มีลีลาที่ไม่เหมือนใคร บทเพลงที่ไพเราะและรูปร่างหน้าตาสุดหล่อ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "The King" Elvis Presley นั่นเอง (อย่าด่า Elvis ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง เพราะอาจโดนตบได้) หลังจากที่ Elvis โด่งดังจนถึงขีดสุด ซิงเกิลฮิตอันมากมายมหาศาลเพียงไรก็ตาม มันก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง... ... ในต้นยุค 60 ก็มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่มีความนิยมไม่แพ้ Elvis เลยนั่นก็คือเด็กหนุ่มจากเมือง Liverpool ใครวะ...? บางคนอาจจะถาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีกลุ่มนี้ก็คือ The Beatles นั่นเอง The Beatles ได้สร้างปรากฏการณ์ทางดนตรี Rock อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทเพลงหลากหลายของ The Beatles นั้นขึ้นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว และเป็ศิลปินที่มีซิงเกิลขึ้นอันดับหนึ่งมากที่สุดในโลก ความนิยมของ The Beatles ในตอนต้นยุค 60 นั้นก็ทำให้มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าเป็นด้านมืดของ The Beatles ก็ว่าได้ ภาพของ The Beatles คือดนตรีแห่งสวรรค์ แต่บทเพลงของวงดนตรีอีกวงนั้นก็เป็นด้านนรกไปเลย ภาพลักษณ์อันตรงกันข้ามกับ The Beatles นั้นก็สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเค้ามาจนถึงปัจจุบัน The Rolling Stones นั่นเอง... ในช่วงยุค 60 นั้นวงดนตรีจากฝั่งอังกฤษเข้าบุกถล่มแผ่นดินอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นสูตรสำเร็จของดนตรี ถ้าจะพิสูจน์ตัวเอง ต้องไปดังที่อเมริกาให้ได้ กาลเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงยุคสงครามเวียดนามระเบิดขึ้น การเรียกร้องสันติภาพ เสรีภาพระบาดรุนแรงไปทั่ว... วงการดนตรีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดังบทเพลง The time they are a changin' ของ Bob Dylan ในช่วงปลายๆ ยุค 60 ก็มีการเล่นดนตรีผสมกับยาเสพติดขึ้น... Psychedelic คือคำเรียกของดนตรีแนวนี้... (ซึ่งก็จะรวมไปถึง Progressive, Acid และแนวดนตรีที่มีกลิ่นอายใกล้เคียงกัน) แนวทางของดนตรีในช่วงปลายยุค 60 นั้นสร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ดนตรีลูกผสม" หรือดนตรีแนวทดลองขึ้นมาอย่างกว้างขวาง... หลากหลายบทเพลงมีการนำดนตรีมาผสมกับยาเสพติดกันอย่างรุนแรง... The Doors, The Grateful Dead, King Crimson ซึ่งก็รวมไปถึง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ที่หันเหไปทางดนตรีแนว Psychedelic อย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทำให้ดนตรี Rock ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดกับชายผู้หนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นนักกีตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาล... Jimi Hendrix & The Experience นั่นเอง เสียงที่ Jimi Hendrix สร้างขึ้นมาทำให้เค้ากลายเป็นเทพเจ้าในชั่วข้ามคืน หลายบทเพลงของ Hendrix สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคต่อมาอย่างรุนแรง... ... เข้าสู่ยุค 1970 กันเสียที... หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของ Hendrix ไปนั้น ดนตรี Rock ก็ยังไม่ถึงกาลดับสูญ... Black Sabbath ได้นำเสียงแตกสั่นและหนักแน่นเข้ามากระแทกหูคนฟังบทพื้นพิภพนี้ เสียงที่ Black Sabbath สร้างออกมานั้นก็สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock สาย Thrash Metal, Death Metal และ Black Metal ในยุคหลังๆ ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของ Black Sabbath ได้ (นอกจากเกรียน) ยังไม่พอ... Deep Purple ก็สร้างตำนานให้กับตัวเองด้วยเพลง Smoke on the water ที่เป็นท่อน Riff อมตะอีกบทเพลง รวมไปถึงการโซโลกีตาร์และคีย์บอร์ดอันรวดเร็วและเมามันส์ของพวกเค้าก็เป็นพื้นฐานให้ดนตรีในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี... นี่เราต้องพูดถึงวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าขึ้นหิ้งอันไม่สามารถลบหลู่ได้อีกวง... Led Zeppelin นั่นเอง... บทเพลงที่ Zep สร้างขึ้นมานั้นรวมไปถึงเทคนิคกีตาร์ที่ Jimmy Page สร้างขึ้นมาก็เป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องคิดอะไร ฟังแค่ Stairway to heaven ที่ถือว่าเป็นบทเพลงชาวเมทัลทั้งหลายทั้งปวง... มันยังไม่จบหรอกนะ Michael Schenker ก็สร้างเสียงกีตาร์ของตัวเองออกมาบ้าง Rock Bottom นั้นเปรียบเสมือนระเบิดที่ทำให้วงการดนตรี Rock เปลี่ยนไป... ขอข้ามแนวจาก Hard Rock มายังอีกแนวเพลงนึงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือบทเพลงที่พัฒนามาจากแนว Psychedelic นั่นก็คือ Progressive Rock นั่นแหละ... ความซับซ้อนทางดนตรี รวมไปถึงความเป็นอัจฉริยะของนักดนตรีที่สร้างบทเพลงแห่งความล่องลอยและตำนานการติดบิลบอร์ดอันยาวนานของ Dark Side of The Moon โดยศิลปิน Pink Floyd นั้นยังหาใครมาทาบรัศมีได้เลย... ยังมีผู้ใดที่เคลือบแคลงความยิ่งใหญ่ของพวกเค้าอีกไหมถ้ารู้ว่าเค้าสามารถขายงานได้ 250 ล้านแผ่นทั่วโลกเนี่ย...? ดนตรีในยุค 70 ก็มีความหลายหลายและมนต์เสน่ห์เพียงไรถ้าเราได้ฟังงานสุดคลาสสิคของ The Eagles ที่นำเสียงของ Hard Rock เข้ามาผสมกับ Southern Rock กันอย่างลงตัวกับบทเพลง Hotel California ซึ่งก็รวมไปถึงมหากาพย์ของดนตรีอย่างเพลง Freebirds ของ Lynyrd Skynyrd...!!! ยังไม่จบ... ดนตรีที่เรียกกันว่าหัวก้าวหน้าในยุค 70 นั้นเราจะลืม "ราชันต์ในนามราชินี" Queen กับบทเพลง Bohemian Rhapsody ได้เหรอ...? ย้อนเวลาไปช่วงต้นๆ 70 กันอีกครั้งนะ Neil Young & The Crazy Horse, Iggy Pop & The Stooges, New York Dolls และ MC5 ก็สร้างบทเพลงแห่งความก้าวร้าวรุนแรงขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันก็เหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด... และมันก็ระเบิดออกมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 กับวงดนตรี Sex Pistols (และอีกหลายๆ วง) นั่นก็คือแนวดนตรีที่เรียกว่า Punk นั่นเอง แนวดนตรี Punk นั้นสร้างความนิยมอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อ Hard Rock อย่างมาก จนทำให้แนวดนตรี Hard Rock แทบจะสูญสลายไปเลย แต่มันก็ยังไม่ตายเสียทีเดียวหรอกนะ ดนตรีที่กำเนิดขึ้นมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 นั่นก็คือ New Wave of British Heavy Metal นั่นเอง...!!! ... ช่วงรอยต่อของยุค 70 กับ 80 นั้นงานดนตรีมีการฑัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วงดนตรีที่เรียกตัวเองว่าเป็น NWOBHM ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนทำให้ดนตรี Punk กลายพันธ์ไป (จะกล่าวถึงภายหลัง) หัวหอกของดนตรีแนว NWOBHM ก็มีเช่น Iron Maiden, Judas Priest, Motor Head, Diamond Head, Def Leppard และถ้าเราไม่นับชายคนนี้ก็ไม่ได้ Ozzy Osbourne ชายผู้ที่ยืนอยู่บนยอดสุดของพีรามิดแห่ง Metal นั่นเอง หลากหลายบทเพลงที่ Ozzy Osbourne Band สร้างขึ้นมาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับดนตรี Rock เป็นอย่างสูง ซึ่งผนวกกับนักกีตาร์โนเนมแต่ฝีมือระดับเทพอย่าง Randy Rhodes ทำให้นักกีตาร์หลายคนในยุคต่อมาหันมาหลงไหลกับมนต์เสน่ห์ของเค้ากันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น... เราข้ามไปที่ฝั่งอเมริกากันบ้างนะ... นักกีตาร์ระดับเทพอีกคนก็สร้างความสั่นสะเทือนวงการกับเทคนิกกีตาร์อันแพรวพราว รวมไปถึงการเอนเตอร์เทนคนดู Van Halen นั่นเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องสาธยายความสุดยอดของพวกเขานะ... ดนตรีในต้นยุค 80 นั่นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีแนวดนตรีเกิดใหม่มากมาย Metallica, Megadeth, Anthrax, Exodus คือพวกแรกๆ ที่นำความหนักหน่วงของ Black Sabbath มาผสมความมันส์สะเด่าของดนตรี Punk และกลิ่นอายอันฉุนกึ้กของ NWOBHM กันจนเกิดแนวดนตรีที่เรียกว่า Thrash Metal นั่นเอง... หลังจากนั้นไม่นาน แนวดนตรี (หลัก) ก็ถือกำเนิดตามมาหลังจาก Thrash Metal นั่นก็คือ Death Metal และ Black Metal นั่นเอง แต่ความรุนแรงในยุค 80 ก็มีอีกแนวดนตรีอีกแนวที่มีความสนุกสนานและหญิงตรึมอย่าง Glam Metal หรือที่เรารู้จักกันดีกับ Hair Metal นั่นเอง Bon Jovi, Skid Row, Cinderella และอีกหลายร้อยวงที่สร้างแฟนเพลงให้กับตนเองอย่างมากมาย ซึ่งก็รวมไปถึง Guns N' Roses นั่นแหละ... ความนิยมของดนตรีแนว Heavy Metal นั้นสุดสะเด่าไปเลย จวบจนถึงช่วงปลายยุค 80 ที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมชมชอบความรุนแรง ความบ้าระห่ำของการเล่น รวมไปถึงเสียงอันแตกสนั่นที่มาจากความเรียบง่ายของ Neil Young (ไม่เชื่อก็ไปหาวิดิโอการแสงสดของ Neil Young มาดูแล้วจะรู้ว่าป๋า Neil นั้นเล่นกีตาร์ได้รุนแรงและทำร้ายกีตาร์ขนาดไหนเอาเองเด้อ) นั่นก็คือเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มจาก Seattle นั่นเอง Nirvana คือวงดนตรีที่ได้รับคามนิยมอย่างรวดเร็วและรุนแรง การเล่นกีตาร์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเทคนิกอันแพรวพราวเหนือชั้นแบบ Steve Vai หายไป กลิ่นอายของดนตรีที่เรียกตัวเองว่า Seattle Sound หรือ Grunge หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย (มันจะสร้างแนวกันทำไมเยอะแยะวะ จำไม่ไหววุ้ย) ทำให้ดนตรีในยุคปลาย 80 นั้นเปลี่ยนไป... ... ดนตรีในยุค 90 นั้นถือว่าเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย งาน Ten ของ Pearl Jam, Nevermind ของ Nirvana, Use Your Illusion I และ II ของ Guns N' Roses, Metallica (Black Album) ของ Metallica คือตัวอย่างที่น่าจะชัดเจน ซึ่งในยุค 90 นี้เองวงดนตรีที่กำเนิดมานั้นต่างยอมรับว่าตนเองนั้นได้รับแรงบรรดาลใจมาจากรุ่นพี่ รุ่นพ่อในอดีตกันแทบทั้งนั้น มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปหางานของพวกเขามาฟังกันดีๆ จะได้กลิ่นอายของดนตรีในยุคก่อนหน้ากันทั้งนั้น บางวงอาจได้กลิ่นของหลายๆ วงเสียด้วยซ้ำไป... ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจไปถ้าบางวงอาจจะนำเสียงใหม่ๆ เข้ามาสู่ตัวเองและไม่อายที่จะทำถ้ามันทำให้เสียงของตัวเองมีความหลากหลาย อย่างเช่นแนวดนตรี Power Metal, Grindcore, Hardcore, Melodic Metal, Brutal Death Metal, Doom Metal, ฯลฯ ปฏิเสธกันได้ไหมว่าดนตรีที่เกิดมาในยุคหลังๆ นี้ไม่มีการนำเสียงจากอดีตมาทำให้เข้ากับยุคสมัย...? ฉะนั้นแล้วการแบ่งแยกแนวดนตรีน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ เพื่อการฟัง แต่การดูถูกแนวดนตรีที่เราไม่ได้ฟังนั้นเป็นเรื่องตลกมากกว่า ไม่มีดนตรีแนวไหนทำออกมาห่วยหรือดีเลิศประเสริฐศรี ของเหล่านี้แบ่งแยกได้อย่างเดียวคือชอบฟังกับไม่ชอบฟังแค่นั้นเอง ชอบก็ฟังไป ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟัง ทำไมต้องดูถูกแนวดนตรีแนวอื่นด้วย ทั้งๆ ที่รากฐานของดนตรีในยุคปัจจุบันนี้ต่างก็มาจากจุดเดียวกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราจงมาฟังดนตรีกันอย่างมีความสุขกันเถิด ใครจะฟังเพลงเพื่อสร้างภาพให้กับตัวเองก็ช่างหัวมันประไร...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Jason Becker - Perpetual Burn [1988]


รายชื่อเพลง
Altitudes
Perpetual Burn
Mabel's Fatal Fable
Air
Temple of the Absurd
Eleven Blue Egyptians
Dweller in the Cellar
Opus Pocus
เครดิตคุณจอนห์นะ

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Bo Diddley - Have a Guitar, Will Travel (US 1960)

01."She's Alright"
02."Cops and Robbers" (K. Harris)
03."Run Diddley Daddy"
04."Mumblin' Guitar"
05."Mona (I Need You Baby)"
06."Say Man, Back Again"
07."Nursery Rhyme"
08."I Love You So"
09."Spanish Guitar"
10."Dancing Girl"
11."Come On Baby"

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Bill Cosby Hooray ForThe Salvation Army Band 1968

อัลบั้มชุดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะบันทึกเสียงออกมาได้แจ่มขนาดนี้ขนาดผมริปเป็น 128 kb นะเนี่ย
เห็นหน้าปกแผ่นเสียงชุดนี้อาจจะทำให้ดูไม่น่าสนใจ แต่ขอบอกว่าเจ๋งครับ
1. BILL COSBY - SGT PEPPER'S LONELY HEARTS CLUB BAND (2:14)
2. BILL COSBY - SUNNY (3:22)
3. BILL COSBY - REACH OUT I'LL BE THERE (3:41)
4. BILL COSBY - ROAD RUNNER (3:29)
5. BILL COSBY - SATISFACTION (2:37)
6. BILL COSBY - GET OUT OF MY LIFE, WOMAN (2:48)
7. BILL COSBY - HOORAY FOR THE SALVATION ARMY BAND (3:04)
8. BILL COSBY - FUNKY NORTH PHILEDELPHIA (2:34)
9. BILL COSBY - HOLD ON I'M A COMIN' (2:33)
10. BILL COSBY - URSALENA (2:27)
11. 11 - TIME BRINGS ABOUT A CHANGE12.
12 - STOP, LOOK & LISTEN
http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=20D74E49C15VTX5MJTGPF5HXQG[Y7I

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Starfire -Selftitled (Good Heavy Psychedelic Rock US 1974)

01. Comfort Me
02. My Love Is Gone
03. Many Moods Ago
04. Birth Of The Sun
05. Island
06. Slippery
07. Merry Crises
08. To Wonder Life Alone

The Band - Rock of Ages (Classic Rock US 1972) (2CD)


Disc one:
01."Introduction" – 1:22
02."Don't Do It" (Holland-Dozier-Holland) – 5:00
03."King Harvest (Has Surely Come)" (Robertson) – 4:04
04."Caledonia Mission" (Robertson) – 3:38
05."Get Up Jake" (Robertson) – 3:33
06."The W. S. Walcott Medicine Show" (Robertson) – 3:54
07."Stage Fright" (Robertson) – 4:38
08."The Night They Drove Old Dixie Down" (Robertson) – 4:34
09."Across The Great Divide" (Robertson) – 3:59
10."This Wheel's On Fire (Danko, Dylan) – 4:07
11."Rag Mama Rag" (Robertson) – 4:33
12."The Weight" (Robertson) – 5:32
13."The Shape I'm In" (Robertson) – 4:14
14."The Unfaithful Servant" (Robertson) – 4:48
15."Life Is A Carnival" (Danko, Helm, Robertson) – 4:17
16."The Genetic Method" (Hudson) – 7:48
17."Chest Fever" (Robertson) – 5:24
18."(I Don't Want To) Hang Up My Rock and Roll Shoes" (Willis) – 4:20
Disc two:
01."Loving You Is Sweeter Than Ever" (Stevie Wonder, Ivy Jo Hunter) – 3:28
02."I Shall Be Released" (Dylan) – 4:03
03."Up On Cripple Creek" (Robertson) – 4:38
04."The Rumor" (Robertson) – 5:02
05."Rockin' Chair" (Robertson) – 4:06
06."Time To Kill" (Robertson) – 4:07
07."Down in the Flood (Dylan) – 5:25
08."When I Paint My Masterpiece" (Dylan) – 4:17
09."Don't Ya Tell Henry" (Dylan) – 4:38
10."Like a Rolling Stone" (Dylan) – 5:24
Tracks 7-10 on Disc 2 feature Bob Dylan during 31 December 1971 performance

Phafner - Overdrive (Heavy-Psychedelia US 1970)

01. Plea From The Soul
02. Uncle Jerry
03. Wiskey Took My Woman
04. Rock and Roll Man
05. Red Thumb

Rust - Come With Me

01. Come With Me (Introduction)
02. You Thought You Had It Made
03. Please Return
04. Should I
05. Think Big06. Rust
07. Delusion08. Doesnt Add Up To Me
09. Find A Hideaway
10. Come With Me
11. The Endless Struggle

The Underdogs - Blues Band & Beyond


01. Oh Pretty Woman
02. Snowey Wood
3. Main Line Driver
04. Mary Anne
05. Pauline
06. Pretty Girls
07. Yonder Wall
08. All My Love
09. Hey Gyp
10. It Hurts Me Too
11. Rubber Duck
12. Cheating/Everybody Needs Somebody/Ride Your Pony (Live)
13. See Saw
14. Looking Back
15. Sitting In The Rain
16. Shortnin Bread
17. Cheating/Everybody Needs Somebody (Live)
18. There Will Come A Time
19. Fine Jung Thing

Wailing Wall - Selftitled (Psychedelic Rock US 1970)

01. Scissor-Tailed Swallow 3:19
02. Country of the Goose 9:28
03. Flying 4:57
04. Hot Summer's Night 2:55
05. Mad Rapper 5:39
06. Dark House/Crazy Nights 5:00
07. I'm Running Low 6:01

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Twentieth Century Zoo - Thunder On A Clear Day

01. You Don't Remember [Single Version]
02. Clean Old Man [Single]
03. Love in Your Face [Single Version]
04. Tossin' and Turnin' [Single]
05. Quiet Before the Storm [Album Track 01]
06. Rainbow [Album Track 02]
07. Bullfrog [Album Track 03]
08. Love in Your Face [Album Track 04]
09. You Don't Remember [Album Track 05]
10. It's All in My Head [Album Track 06]
11. Blues With a Feeling [Album Track 07]
12. Only Thing That's Wrong [Single]
13. Stallion of Fate [Single]
14. Country [Single]
15. Hall of the Mountain King [Single]
16. Enchanted Park [Single]

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

The Dog That Bit People - Selftitled

01.Goodbye Country
02.The Monkey And The Sailor
03.Lovely Lady
04.Sound of Thunder
05.Cover Me in Roses
06.Someone, Somewhere
07.A Snapshot of Rex
08.Red Queen's Dance
09.Mr Sunshine
10.Tin Soldier
11.Walking
12.Reptile Man
13.Merry Go Round (Bonus)

Traffic - Selftitled

01."You Can All Join In" (Mason) – 3:34
02."Pearly Queen" (Capaldi/Winwood) – 4:20
03."Don't Be Sad" (Mason) – 3:24
04."Who Knows What Tomorrow May Bring" (Capaldi/Winwood/Wood) – 3:11
05."Feelin' Alright" (Mason) – 4:16
06."Vagabond Virgin" (Capaldi/Mason) – 5:21
07."Forty Thousand Headmen" (Capaldi/Winwood) – 3:15
08."Cryin' to Be Heard" (Mason) – 5:14
09."No Time to Live" (Capaldi/Winwood) – 5:10
10."Means to an End" (Capaldi/Winwood) – 2:39
Bonus:
11.You Can All Join In
12.Feelin' Alright (Mono Mix)

Traffic - John Barleycorn Must Die


01."Glad (Winwood)" 6:59
02."Freedom Rider" (Capaldi/Winwood) 5:30
03."Empty Pages" (Capaldi/Winwood) 4:34
04."I Just Want You to Know" (Capaldi/Winwood) 1:30
05."Stranger to Himself" (Capaldi/Winwood) 3:57
06."John Barleycorn" (Traditional/Winwood) 6:27Bonus:
07."Every Mothers Son" (Capaldi/Winwood) 7:08
08."Sittin' Here Thinkin' of My Love" (Capaldi/Winwood) 3:33
09."Backstage and Introduction (live)" (Capaldi/Winwood) 1:50
10."Who Knows What Tomorrow May Bring (live)" (Capaldi/Winwood/Wood) 6:56
11."Glad (live)" (Winwood) 11:29