TAWEELAP ROCK 70'

Custom Search

TAWEELAP ROCK RADIO

สวัดดีชาวร็อคทุกท่านครับ

หลังจากบอร์ดพังเป็นครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้เหมือนกัน ผมกลับมาทำอีกครั้งเพราะใจรักจริงๆจุดประสงค์ที่ทำเว็บนี้ขึ้นมาไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝง เพียงเพื่ออยากแลกเปลี่ยนเพลงกันระหว่างสมาชิกเท่านั้นและอยากแบ่งปันประสบการณ์เพลงในยุคเก่าๆเพื่อไม่ให้เพลงเหล่านี้สูญหายไปจากความทรงจำ บางอัลบั้มก็หาซื้อไม่ได้แล้วและบางอันก็ไม่มีจำหน่ายหรือบางทีราคาก็แพงจนรับไม่ได้ เพลงเหล่านี้มีคุณค่าในตัวมันเองมากมายครับ
ในยุค 60 - 70 วงดนตรีมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ละวงมีเอกลักษ์ของตัวเองชัดเจนมาก เล่นมาจากอารมณ์ข้างในมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตหรือไปจนถึงเรืองยาเสพติด
วงดนตรีสมัยนั้นเกือบ 100% พึ่งยาเสพติดในการแต่งเพลงถึงมันจะเป็นด้านลบแต่ด้านบวกมันได้สร้างสรรญผลงานอันทรงคุณค่าและเป็นเป็นอมตะจนถึงปัจจุบันนี้ครับ
ส่วนของหน้าเว็บผมจะโพสเฉพาะบิทเรท 128-256 เท่านั้น ส่วนแบบ 320 KB จะมีในส่วนของเว็บบอร์ด 320 KB ซึ่งท่านต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเข้าห้องได้นะครับ ผมหวังว่าที่แห่งนี้จะอยู่เป็นเพื่อนท่านอีกแห่งนึงนะครับ taweelap ..................... Rock Never Die

History of Rock...!!!

นับตั้งแต่ Bill Haley & His Comets ออกซิงเกิลที่มีชื่อว่า Rock around the clock ในปี 1954 นั้น บทเพลงแนวใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวินาทีนั้นเอง กระแสของดนตรีแนวใหม่เปรียบเสมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ทำลายวัฒนธรรมของ Jazz, Blues รวมไปถึงงานดนตรีที่บรรดาพ่อแม่ของเด็กหนุ่มสาวในยุค 50 จนพินาศสิ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะถือว่าเป็นผู้ฝังรากของดนตรีแนวใหม่ให้ก่อเกิดขึ้น นั่นก็คือ Alan Freed "Father of Rock 'n Roll" ชายคนนี้คือใคร...? ชายคนนี้คือผู้ให้กำเนิดคำว่า Rock 'n Roll นั่นเอง และชายคนนี้ก็เป็นดีเจที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของดนตรี Mainstream ในยุค 50 จนหมดสิ้น คือรายการวิทยุในยุคนั้นไม่มีการนำเพลงของคนดำมาออกอากาศ แต่ Alan ก็นำบทเพลงของคนดำซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาออกอากาศสู้กับ Frank Sinatra ของพวกรุ่นใหญ่ได้อย่างเมามันส์... Little Richard, Jerry Lee Luis, Chuck Berry นั่นเอง หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มจากเมมฟิสอีกคนก็ทำให้ดนตรี Rock 'n Roll ขึ้นสูงจนถึงจุดสุดยอด ชายหนุ่มคนนี้มีลีลาที่ไม่เหมือนใคร บทเพลงที่ไพเราะและรูปร่างหน้าตาสุดหล่อ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "The King" Elvis Presley นั่นเอง (อย่าด่า Elvis ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง เพราะอาจโดนตบได้) หลังจากที่ Elvis โด่งดังจนถึงขีดสุด ซิงเกิลฮิตอันมากมายมหาศาลเพียงไรก็ตาม มันก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง... ... ในต้นยุค 60 ก็มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่มีความนิยมไม่แพ้ Elvis เลยนั่นก็คือเด็กหนุ่มจากเมือง Liverpool ใครวะ...? บางคนอาจจะถาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีกลุ่มนี้ก็คือ The Beatles นั่นเอง The Beatles ได้สร้างปรากฏการณ์ทางดนตรี Rock อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทเพลงหลากหลายของ The Beatles นั้นขึ้นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว และเป็ศิลปินที่มีซิงเกิลขึ้นอันดับหนึ่งมากที่สุดในโลก ความนิยมของ The Beatles ในตอนต้นยุค 60 นั้นก็ทำให้มีวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าเป็นด้านมืดของ The Beatles ก็ว่าได้ ภาพของ The Beatles คือดนตรีแห่งสวรรค์ แต่บทเพลงของวงดนตรีอีกวงนั้นก็เป็นด้านนรกไปเลย ภาพลักษณ์อันตรงกันข้ามกับ The Beatles นั้นก็สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเค้ามาจนถึงปัจจุบัน The Rolling Stones นั่นเอง... ในช่วงยุค 60 นั้นวงดนตรีจากฝั่งอังกฤษเข้าบุกถล่มแผ่นดินอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นสูตรสำเร็จของดนตรี ถ้าจะพิสูจน์ตัวเอง ต้องไปดังที่อเมริกาให้ได้ กาลเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงยุคสงครามเวียดนามระเบิดขึ้น การเรียกร้องสันติภาพ เสรีภาพระบาดรุนแรงไปทั่ว... วงการดนตรีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดังบทเพลง The time they are a changin' ของ Bob Dylan ในช่วงปลายๆ ยุค 60 ก็มีการเล่นดนตรีผสมกับยาเสพติดขึ้น... Psychedelic คือคำเรียกของดนตรีแนวนี้... (ซึ่งก็จะรวมไปถึง Progressive, Acid และแนวดนตรีที่มีกลิ่นอายใกล้เคียงกัน) แนวทางของดนตรีในช่วงปลายยุค 60 นั้นสร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ดนตรีลูกผสม" หรือดนตรีแนวทดลองขึ้นมาอย่างกว้างขวาง... หลากหลายบทเพลงมีการนำดนตรีมาผสมกับยาเสพติดกันอย่างรุนแรง... The Doors, The Grateful Dead, King Crimson ซึ่งก็รวมไปถึง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ที่หันเหไปทางดนตรีแนว Psychedelic อย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทำให้ดนตรี Rock ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดกับชายผู้หนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นนักกีตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาล... Jimi Hendrix & The Experience นั่นเอง เสียงที่ Jimi Hendrix สร้างขึ้นมาทำให้เค้ากลายเป็นเทพเจ้าในชั่วข้ามคืน หลายบทเพลงของ Hendrix สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคต่อมาอย่างรุนแรง... ... เข้าสู่ยุค 1970 กันเสียที... หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของ Hendrix ไปนั้น ดนตรี Rock ก็ยังไม่ถึงกาลดับสูญ... Black Sabbath ได้นำเสียงแตกสั่นและหนักแน่นเข้ามากระแทกหูคนฟังบทพื้นพิภพนี้ เสียงที่ Black Sabbath สร้างออกมานั้นก็สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock สาย Thrash Metal, Death Metal และ Black Metal ในยุคหลังๆ ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของ Black Sabbath ได้ (นอกจากเกรียน) ยังไม่พอ... Deep Purple ก็สร้างตำนานให้กับตัวเองด้วยเพลง Smoke on the water ที่เป็นท่อน Riff อมตะอีกบทเพลง รวมไปถึงการโซโลกีตาร์และคีย์บอร์ดอันรวดเร็วและเมามันส์ของพวกเค้าก็เป็นพื้นฐานให้ดนตรีในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี... นี่เราต้องพูดถึงวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่ถือว่าขึ้นหิ้งอันไม่สามารถลบหลู่ได้อีกวง... Led Zeppelin นั่นเอง... บทเพลงที่ Zep สร้างขึ้นมานั้นรวมไปถึงเทคนิคกีตาร์ที่ Jimmy Page สร้างขึ้นมาก็เป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักดนตรี Rock ในยุคหลังๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องคิดอะไร ฟังแค่ Stairway to heaven ที่ถือว่าเป็นบทเพลงชาวเมทัลทั้งหลายทั้งปวง... มันยังไม่จบหรอกนะ Michael Schenker ก็สร้างเสียงกีตาร์ของตัวเองออกมาบ้าง Rock Bottom นั้นเปรียบเสมือนระเบิดที่ทำให้วงการดนตรี Rock เปลี่ยนไป... ขอข้ามแนวจาก Hard Rock มายังอีกแนวเพลงนึงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือบทเพลงที่พัฒนามาจากแนว Psychedelic นั่นก็คือ Progressive Rock นั่นแหละ... ความซับซ้อนทางดนตรี รวมไปถึงความเป็นอัจฉริยะของนักดนตรีที่สร้างบทเพลงแห่งความล่องลอยและตำนานการติดบิลบอร์ดอันยาวนานของ Dark Side of The Moon โดยศิลปิน Pink Floyd นั้นยังหาใครมาทาบรัศมีได้เลย... ยังมีผู้ใดที่เคลือบแคลงความยิ่งใหญ่ของพวกเค้าอีกไหมถ้ารู้ว่าเค้าสามารถขายงานได้ 250 ล้านแผ่นทั่วโลกเนี่ย...? ดนตรีในยุค 70 ก็มีความหลายหลายและมนต์เสน่ห์เพียงไรถ้าเราได้ฟังงานสุดคลาสสิคของ The Eagles ที่นำเสียงของ Hard Rock เข้ามาผสมกับ Southern Rock กันอย่างลงตัวกับบทเพลง Hotel California ซึ่งก็รวมไปถึงมหากาพย์ของดนตรีอย่างเพลง Freebirds ของ Lynyrd Skynyrd...!!! ยังไม่จบ... ดนตรีที่เรียกกันว่าหัวก้าวหน้าในยุค 70 นั้นเราจะลืม "ราชันต์ในนามราชินี" Queen กับบทเพลง Bohemian Rhapsody ได้เหรอ...? ย้อนเวลาไปช่วงต้นๆ 70 กันอีกครั้งนะ Neil Young & The Crazy Horse, Iggy Pop & The Stooges, New York Dolls และ MC5 ก็สร้างบทเพลงแห่งความก้าวร้าวรุนแรงขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันก็เหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด... และมันก็ระเบิดออกมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 กับวงดนตรี Sex Pistols (และอีกหลายๆ วง) นั่นก็คือแนวดนตรีที่เรียกว่า Punk นั่นเอง แนวดนตรี Punk นั้นสร้างความนิยมอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อ Hard Rock อย่างมาก จนทำให้แนวดนตรี Hard Rock แทบจะสูญสลายไปเลย แต่มันก็ยังไม่ตายเสียทีเดียวหรอกนะ ดนตรีที่กำเนิดขึ้นมาในช่วงปลายๆ ยุค 70 นั่นก็คือ New Wave of British Heavy Metal นั่นเอง...!!! ... ช่วงรอยต่อของยุค 70 กับ 80 นั้นงานดนตรีมีการฑัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วงดนตรีที่เรียกตัวเองว่าเป็น NWOBHM ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนทำให้ดนตรี Punk กลายพันธ์ไป (จะกล่าวถึงภายหลัง) หัวหอกของดนตรีแนว NWOBHM ก็มีเช่น Iron Maiden, Judas Priest, Motor Head, Diamond Head, Def Leppard และถ้าเราไม่นับชายคนนี้ก็ไม่ได้ Ozzy Osbourne ชายผู้ที่ยืนอยู่บนยอดสุดของพีรามิดแห่ง Metal นั่นเอง หลากหลายบทเพลงที่ Ozzy Osbourne Band สร้างขึ้นมาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับดนตรี Rock เป็นอย่างสูง ซึ่งผนวกกับนักกีตาร์โนเนมแต่ฝีมือระดับเทพอย่าง Randy Rhodes ทำให้นักกีตาร์หลายคนในยุคต่อมาหันมาหลงไหลกับมนต์เสน่ห์ของเค้ากันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น... เราข้ามไปที่ฝั่งอเมริกากันบ้างนะ... นักกีตาร์ระดับเทพอีกคนก็สร้างความสั่นสะเทือนวงการกับเทคนิกกีตาร์อันแพรวพราว รวมไปถึงการเอนเตอร์เทนคนดู Van Halen นั่นเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องสาธยายความสุดยอดของพวกเขานะ... ดนตรีในต้นยุค 80 นั่นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีแนวดนตรีเกิดใหม่มากมาย Metallica, Megadeth, Anthrax, Exodus คือพวกแรกๆ ที่นำความหนักหน่วงของ Black Sabbath มาผสมความมันส์สะเด่าของดนตรี Punk และกลิ่นอายอันฉุนกึ้กของ NWOBHM กันจนเกิดแนวดนตรีที่เรียกว่า Thrash Metal นั่นเอง... หลังจากนั้นไม่นาน แนวดนตรี (หลัก) ก็ถือกำเนิดตามมาหลังจาก Thrash Metal นั่นก็คือ Death Metal และ Black Metal นั่นเอง แต่ความรุนแรงในยุค 80 ก็มีอีกแนวดนตรีอีกแนวที่มีความสนุกสนานและหญิงตรึมอย่าง Glam Metal หรือที่เรารู้จักกันดีกับ Hair Metal นั่นเอง Bon Jovi, Skid Row, Cinderella และอีกหลายร้อยวงที่สร้างแฟนเพลงให้กับตนเองอย่างมากมาย ซึ่งก็รวมไปถึง Guns N' Roses นั่นแหละ... ความนิยมของดนตรีแนว Heavy Metal นั้นสุดสะเด่าไปเลย จวบจนถึงช่วงปลายยุค 80 ที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมชมชอบความรุนแรง ความบ้าระห่ำของการเล่น รวมไปถึงเสียงอันแตกสนั่นที่มาจากความเรียบง่ายของ Neil Young (ไม่เชื่อก็ไปหาวิดิโอการแสงสดของ Neil Young มาดูแล้วจะรู้ว่าป๋า Neil นั้นเล่นกีตาร์ได้รุนแรงและทำร้ายกีตาร์ขนาดไหนเอาเองเด้อ) นั่นก็คือเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มจาก Seattle นั่นเอง Nirvana คือวงดนตรีที่ได้รับคามนิยมอย่างรวดเร็วและรุนแรง การเล่นกีตาร์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเทคนิกอันแพรวพราวเหนือชั้นแบบ Steve Vai หายไป กลิ่นอายของดนตรีที่เรียกตัวเองว่า Seattle Sound หรือ Grunge หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย (มันจะสร้างแนวกันทำไมเยอะแยะวะ จำไม่ไหววุ้ย) ทำให้ดนตรีในยุคปลาย 80 นั้นเปลี่ยนไป... ... ดนตรีในยุค 90 นั้นถือว่าเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย งาน Ten ของ Pearl Jam, Nevermind ของ Nirvana, Use Your Illusion I และ II ของ Guns N' Roses, Metallica (Black Album) ของ Metallica คือตัวอย่างที่น่าจะชัดเจน ซึ่งในยุค 90 นี้เองวงดนตรีที่กำเนิดมานั้นต่างยอมรับว่าตนเองนั้นได้รับแรงบรรดาลใจมาจากรุ่นพี่ รุ่นพ่อในอดีตกันแทบทั้งนั้น มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปหางานของพวกเขามาฟังกันดีๆ จะได้กลิ่นอายของดนตรีในยุคก่อนหน้ากันทั้งนั้น บางวงอาจได้กลิ่นของหลายๆ วงเสียด้วยซ้ำไป... ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจไปถ้าบางวงอาจจะนำเสียงใหม่ๆ เข้ามาสู่ตัวเองและไม่อายที่จะทำถ้ามันทำให้เสียงของตัวเองมีความหลากหลาย อย่างเช่นแนวดนตรี Power Metal, Grindcore, Hardcore, Melodic Metal, Brutal Death Metal, Doom Metal, ฯลฯ ปฏิเสธกันได้ไหมว่าดนตรีที่เกิดมาในยุคหลังๆ นี้ไม่มีการนำเสียงจากอดีตมาทำให้เข้ากับยุคสมัย...? ฉะนั้นแล้วการแบ่งแยกแนวดนตรีน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ เพื่อการฟัง แต่การดูถูกแนวดนตรีที่เราไม่ได้ฟังนั้นเป็นเรื่องตลกมากกว่า ไม่มีดนตรีแนวไหนทำออกมาห่วยหรือดีเลิศประเสริฐศรี ของเหล่านี้แบ่งแยกได้อย่างเดียวคือชอบฟังกับไม่ชอบฟังแค่นั้นเอง ชอบก็ฟังไป ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟัง ทำไมต้องดูถูกแนวดนตรีแนวอื่นด้วย ทั้งๆ ที่รากฐานของดนตรีในยุคปัจจุบันนี้ต่างก็มาจากจุดเดียวกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราจงมาฟังดนตรีกันอย่างมีความสุขกันเถิด ใครจะฟังเพลงเพื่อสร้างภาพให้กับตัวเองก็ช่างหัวมันประไร...!!!

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

SADA ชุด คำก้อน





พูดถึงวงโซดา ครับ อัลบั้ม คำก้อน ออกมาต้นปี 2528 กับ แกรมมี่ มี พี่เต๋อ เป็น producer และ mixdown ให้ มีคุณ ขุนทอง อสุนีย์ ณ อยุธยา เป็นผู้จัดการวง มีสมาชิก 6 คน
1. สมโชค นวลนิรันดร์ (อาร์ต) - Lead Guitar, หัวหน้าวง
2. บรรจง รัตนโสภณ (จง) - Drum, Vocal
3. ฉัตรพง นิยมไทย (โม) - Keyboard, Vocal
4. ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (โป่ง) - Vocal
5. โอฬาร พรหมใจ (โอ้) - Lead Guitar
6. พิทักษ์ ศรีสังข์ (ทักษ์) - ฺBass Guitar
เพลงที่ออกอากาศ เท่าที่จำได้มี Side A tr. 1 คำก้อน, tr. 2 ไป'เธ็ค, tr. 3 กีต้าร์พาฝัน ร้องโดย คุณโป่งทั้งหมด, tr. 5 ปลายคลื่น (เพราะมาก) และ Side B tr. 2 คอยรักกลับคืน ร้องโดย คุณโม ดนตรีของโซดา เป็นร็อค ที่ออกนิวเวฟอยู่พอสมควร sound ของ syn และ keyboard เยอะ เสียงกลองเป็นกลองไฟฟ้า ตุ้วๆๆ อยู่เลย เสียง guitar ของ คุณโอ้ ก็มีน้อยมาก ไม่เด่นเลย แต่ soda ก็เป็นวงที่แตกต่างมากในยุคนั้น หลังจากออกมาสักพัก ก็หายไป และไม่นานนัก กุมภาพันธ์ 2528 ก็ออกมา โดยมี คุณโอ้ โอฬาร ขึ้นปกเลย และมีสมาชิกของ soda อีก 3 คนมาอยู่ด้วย คือ คุณโป่ง, คุณโม และคุณพิทักษ์ อัลบั้มนี้ผมขอเทิดทูนว่าเป็นอัลบั้มร็อค (กีต้าร์) ที่สุดยอดชุดหนึ่งของวงการเพลงไทยมีปกอัลบั้มของ Soda ให้ดูครับ
ลิ้งค์ download อยู่ที่บอร์ด 320 KB นะครับ

UFO - UFO 1 (1970)

1- Unidentfield Flying Object
2- Boogie
3- C'mon Everybody
4- Shake It About
5- (Come Away) Melinda
6- Timothy
7- Follow You Home
8- Treacle People
9- Who Do You Love10- Evil

UFO - Flying (1971)

1- Silver Bird
2- Star Storm
3- Prince Kajuku
4- The Coming Of Prince Kajuku
5- Flying

UFO - Live (1972)

1- C'mon Everybody2- Who Do You Love3- Loving Cup4- Prince Kajuku - The Coming Of Prince Kajuku5- Boogie For George6- Follow You Home

UFO - Early Flight - Live At Jugendhaus (1973)

1- Leaving Here2- Let Me Be (Move Over)3- Sweet Little Thing4- Crystal Light5- Rock Bottom6- Prince Kajuku7- Boogie For George8- C'mon Everybody9- Back To The USA

UFO - No Heavy Petting (1975)

1- Natural Thing2- I'm A Loser3- Can You Roll Her4- Belladonna5- Reasons Love6- Highway Lady7- On With The Action8- A Fool In Love9- Martian Landscape

UFO - Force It (1975)

มีมากมาย ตั้งแต่คอร็อก นักดนตรีอาชีพ และนักดนตรีสมัครเล่น ไมเคิล เชงเกอร์ ได้ชื่อว่าเป็นมือกีตาร์ที่โซโลเมโลดี้ได้สวยงาม กระชากอารมณ์จนถึงขั้นกรีดหัวใจก็ว่าได้ นักดนตรีบ้านเราหลายคนมักเลียนแบบลีลาโซโลกีตาร์ของชายคนนี้ เมื่อมาเป็นสมาชิกอยู่ UFO เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีส่วนเปลี่ยนสไตล์เพลงของ UFO จากเดิมที่เล่นแต่เพลงคัฟเวอร์กับเพลงแกลมร็อก มาสู่สไตล์ฮาร์ดร็อกที่ปลุกให้ UFO ดังไปทั่วโลก กับเพลงอย่างเช่น ROCK BOTTOM และ DOCTOR, DOCTORไมเคิล เชงเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ.1955 ที่เมือง SARSTEDT เยอรมนี ไมเคิลกับพี่ชายคือ รูดอล์ฟ เมื่อตอนเป็นเด็กชอบฟังเพลงของเดอะบีทเทิลส์เป็นชีวิตจิตใจ จนทำให้ทั้งคู่ต้องหันมาหัดเล่นกีตาร์และฟอร์มวง SCORPIONS ในที่สุด และที่นี่เองที่ไมเคิลมีโอกาสโชว์ฝีมือกรีดกีตาร์ในอัลบั้มชุดแรก ชุด LONESOME CROW ช่วงนั้นไมเคิลอายุเพียง 16 ปี กิตติศัพท์ลือไปถึงวงร็อก UFO ที่มีคิวไปเปิดแสดงที่เยอรมัน เผอิญมือกีตาร์ BERNIE MARSDEN ที่จ้างมาใหม่มาไม่ทันการแสดง UFO เลยขอตัวไมเคิล เชงเกอร์ มาเป็นลีดกีตาร์ หลังคอนเสิร์ตเจรจาพักใหญ่ ไมเคิล เชงเกอร์ตกลงเข้าร่วมเป็นสมาชิก UFO นอกจากจะมีทักษะและฝีมือกรีดกีตาร์กระชากอารมณ์ ไมเคิล เชงเกอร์ ยังเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองเห็นจุดบกพร่องของ UFO ต้องการเข็นให้ UFO เป็นวงฮาร์ดร็อกที่มีซาวนด์เป็นฮาร์ดร็อกจริงๆ เชงเกอร์ให้ข้อเสนอแนะ ร่วมเขียนเพลงกับสมาชิกเดิม อาทิ PHIL MOGG ออกเป็นอัลบั้มชุด PHENOMENON วางตลาดในเดือนพฤษภาคม 1974 ชุดนี้ประเดิมด้วยงานฮิตอย่างเช่น ROCK BOTTOM กับ DOCTOR, DOCTOR ซึ่งซาวนด์ที่ออกมาคล้ายกับงานของ FREE และ BLACK SABBATH อัลบั้มชุดต่อไป FORCE IT ที่ออกมาในช่วงหน้าหนาวปี 1974 ยังคงสไตล์ฮาร์ดร็อก ดุดัน อย่างเช่น LET IT ROLL, SHOOT SHOOT และ LOVE LOST LOVEหลังคอนเสิร์ตในอเมริกาช่วงปี 1976 UFO จ้างมือคีย์บอร์ดและมือริทึ่มกีตาร์คนใหม่ชื่อ พอล เรย์มอนด์ UFO พร้อมออกอัลบั้มใหม่ จ้าง รอน เนวิสัน มือซาวนด์เอนจิเนียร์ที่เคยทำอัลบั้มให้กับ LED ZEPPELIN BAD COMPANY มาช่วยออกเป็นอัลบั้มชุด LIGHTS OUT ในปี 1977 ชุดนี้มีเพลงร็อกดุดันอย่าง TOO HOT TO HANDLE เพลงช้าๆ อย่าง LOVE TO LOVE เพลงดังกล่าว ไมเคิล เชงเกอร์มีส่วนช่วงเขียนทั้งสิ้น อัลบั้มชุด LIGHTS OUT ติดชาร์ต TOP 30 ในอเมริกา และ TOP 75 ในอังกฤษ ช่วงนี้ UFO ดังสุดๆ ในอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น เมื่อถึงจุดสูงสุดความขัดแย้งมักเกิดขึ้นในบรรดาหมู่สมาชิก ไมเคิล เชงเกอร์เกิดความขัดแย้งกับ PHIL MOGG นักร้องนำ เชงเกอร์มักหายตัวไม่ค่อยมาร่วมงาน จนกระทั่งปลายปี 1977 กลับมาร่วมงานบันทึกเสียงอัลบั้มชุดสุดท้าย ชุด OBSESSION ในอัลบั้มมีเพลงโดดเด่นอย่างเช่น ONLY YOU CAN ROCK ME กับ ARBORY HILL บันทึกเสียงต้นปี 1978 จากนั้น ไมเคิล เชงเกอร์ตัดสินใจเดินทางกลับเยอรมนีคืนสู่การเป็นสมาชิกวง SCORPIONS อีกครั้ง เชงเกอร์มีโอกาสร่วมงานกับ SCORPIONS ทำอัลบั้มชุด LOVE DRIVE ออกจำหน่ายในปี 1979 ไม่นานหลังจากนั้นตัดสินใจออกจาก SCORPIONS มาฟอร์มวงของตัวเองชื่อ THE MICHAEL SCHENKER GROUP (MSG) อัลบั้มชุดแรกที่ออกจำหน่ายในปี 1980 ได้แก่ชุด MICHAEL SCHENKER GROUP ได้รับความนิยมติดอันดับ 8 ในบริติชชาร์ต ส่วนซิงเกิลฮิตจากอัลบั้มได้แก่ ARMED AND READY กับ CRY FOR THE NATIONS มาถึงชุดที่สอง ชุด MSG ออกจำหน่ายในปี 1981 ความนิยมลดลงมาติดแค่อันดับ 14 ในบริติชชาร์ต ช่วงนี้เองที่ MSG ได้รับความนิยมสุดๆ ในญี่ปุ่น คอนเสิร์ตที่ BUDOKAN ถูกบันทึกเสียงออกเป็นอัลบั้มการแสดงสด ชื่อชุด ONE NIGHT AT BUDOKAN ออกขายในปี 1982 ซิงเกิลฮิตที่ออกในปีเดียวกันได้แก่ DANCER จากนั้นเรื่อยมาจนถึงปี 1984 ออกอัลบั้มอยู่หลายชุด อาทิชุด ASSAULT ATTACK (1982) กับ ROCK WILL NEVER DIE (1984) ขณะเดียวกับที่ไมเคิล เชงเกอร์ ออกจาก UFO ความนิยมชมชอบจากแฟนที่มีต่อ UFO เริ่มลดลง ซิงเกิลที่ออกมาในช่วงเดียวกัน อาทิ LONELY HEART (#41), LET IT RAIN (#62) กับ WHEN IT'S TIME TO ROCK (#70) ไม่ได้รับความนิยมติด TOP 40 เหมือนเก่า ปี 1990 แกนนำ UFO จึงลองทาบทามไมเคิล เชงเกอร์ ให้กลับมาร่วมงานกับ UFO อีกครั้ง แต่ไมเคิล เชงเกอร์ ปฏิเสธ มาร่วมงานจริงเอาในปี 1994 ไมเคิล เชงเกอร์เข้าห้องอัดเสียงกับสมาชิกเดิมของ UFO บันทึกเสียงอัลบั้มเฉพาะกิจชุด WALK ON WATER กว่าอัลบั้มชุดนี้จะออกขายก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1997 หลังจากชุดนี้ ไมเคิล เชงเกอร์กลับไปทำงานกับวง MSG ดังเดิม ออกอัลบั้มอีก 3 ชุด ชุด THE UNFORGIVEN, WRITTEN IN SAND และ ARACHNOPHOBIAC
เรื่องทั้งหมดก็มีด้วยประการฉะนี้แล
1- Let It Roll
2- Shoot Shoot
3- High Flyer
4- Love Lost Love
5- Out In The Street
6- Mother Mary
7- Too Much Or Nothing
8- Dance Your Life Away
9- This Kids

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

Vinnie Moore ชุด Time Odyssey

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

Head Over Heels - Head Over Heels (US Heavyrock 1971)


01. Roadrunner
02. Right Away
03. Red Rooster
04. Children of the Mist
05. Question
06. Tired and Blue Land Band
07. In My Womean
08. Circles
http://www.zshare.net/download/10977064fd2e1fb4/

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

Best Of British Blues Vol. I - Vários Artistas


01. The Yardbirds/Eric Clapton - Smokestack Lightning
02. The All-Stars/Jeff Beck - Stealin'
03. Savoy Brown Blues Band - I Tried
04. John Mayall & The Bluesbreakers/Eric Clapton - I'm Your Witchdoctor
05. Tony McPhee - Ain't Gonna Cry No More
06. The Animals - Boom Boom
07. Brian Auger Trinity/Sonny Boy Williamson/Jimmy Page - I See A Man Downstairs
08. Rod Stewart/Long John Baldry - Bright Lights, Big City
09. Van Morrison - T.B. Sheets
10. The All-Stars/Jimmy Page - L.A. Breakdown
11. Eric Clapton/Jimmy Page - Freightloader
12. Eric Clapton/John Mayall & The Bluesbreakers - Telephone Blues
13. Jeremy Spencer - Look Down At My Women
14. Savoy Brown Blues Band - True Story
15. The Yardbirds/Jeff Beck - Train Kept A Rollin'
16. Rod Stewart - So Much To Say
17. Jimmy Page/Eric Clapton - Draggin' My Tail
18. The Animals/Sonny Boy Williamson - The Night Time Is The Right Time
http://www.filesend.net/download.php?f=a44fc60a77031bec36f1d00377048122

Mike Tramp's White Lion - Last Roar - 2004


1. All the Fallen Men
2. Warsong
3. Salvador
4. Wait
5. Little Fighter
6. When Children Cry
7. Fight to Survive
8. Living on the Edge
9. She's Got Everything
10. Lonely Nights
11. Broken Home
12. Till Death Do Us Part
Integrantes:
Mike Tramp - vocais
Warren De Martini - guitarra
Kasper Damgaard - guitarra
Dan Hemmer - órgão Hammond
Nils Kroyer - baixo
Bjarne T. Holm - bateria
http://www.mediafire.com/?vbqjrjrmzyy

Black Sabbath - Sabotage - 1975


1. Hole In The Sky
2. Don't Start (Too Late)
3. Symptom Of The Universe
4. Megalomania
5. The Thrill Of It All
6. Supertzar
7. Am I Going Insane (Radio)
8. The Writ
Line-up:
Ozzy Osbourne - vocal
Tony Iommi - guitarra
Geezer Butler - baixo
Bill Ward - bateria
Gerald "Jezz" Woodruffe - teclado
http://www.mediafire.com/?yw2nuyzzmsa

Scorpions - In Trance - 1975


1. Dark Lady
2. In Trance
3. Life's Like a River
4. Top of the Bill
5. Living & Dying
6. Robot Man
7. Evening Wind
8. Sun in My Hand
9. Longing for Fire
10. Night Lights
Line-up:
Klaus Meine - Vocais
Rudolf Schenker - Guitarra
Uli Jon Roth - Guitarra
Rudy Lenners - Bateria
Francis Buchholz - Baixo
http://www.mediafire.com/?33dzln0i2uw

Van Halen - 1984 - 1984


1. 1984
2. Jump
3. Panama
4. Top Jimmy
5. Drop Dead Legs
6. Hot For Teacher
7. I'll Wait
8. Girl Gone Bad
9. House Of Pain
Line-up:
David Lee Roth - vocal
Eddie Van Halen - guitarra, teclado, backing vocals
Michael Anthony – baixo, backing vocals
Alex Van Halen – bateria, percussão, backing vocals
http://www.mediafire.com/?gujdwgchlgc

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551

KISS - Animalize (1984)


01 - I''ve Had Enough (Into The Fire). 02 - Heaven''s On Fire. 03 - Burn Bitch Burn. 04 - Get All You Can Take. 05 - Lonely Is The Hunter. 06 - Under The Gun. 07 - Thrills In The Night. 08 - While The City Sleeps. 09 - Murder In High Heels.

KISS - The Elder (1981)


The Elder (1981) 01 - The Oath. 02 - Fanfare. 03 - Just A Boy. 04 - Dark Light. 05 - Only You. 06 - Under The Rose. 07 - A World Without Heroes. 08 - Mr. Blackwell. 09 - Escape From The Island. 10 - Odyssey. 11 - I. 12 - Finale.

KISS - Love Gun (1977)

01 - I Stole your Love. 02 - Christine Sixteen. 03 - Got Love For Sale. 04 - Shock Me. 05 - Tommorrow And Tonight. 06 - Love Gun. 07 - Hooligan. 08 - Almost Human. 09 - Plaster Caster. 10 - Then She Kissed Me.

KISS - Dressed To Kill (1975)

01 - Room Service. 02 - Two Timer. 03 - Ladies In Waiting. 04 - Getaway. 05 - Rock Bottom. 06 - C''mon And Love Me. 07 - Anything For My Baby. 08 - She. 09 - Love Her All I Can. 10 - Rock And Roll All Nite.

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551

Coverdale / Page - 1993

1 Shake My Tree2 Waiting On You3 Take Me For A Little While4 Pride and Joy5 Over Now6 Feeling Hot7 Easy Does It8 Take A Look At Yourself9 Don't Leave Me This Way10 Absolution Blues11 Whisper A Prayer For The Dying
http://www.filesend.net/download.php?f=3d4502fd0bd6ec959d039c98154db21a

Extreme II - Pornograffitti

1. "Decadence Dance" - 6:492. "Lil' Jack Horny" - 4:513. "When I'm President" - 4:214. "Get The Funk Out" - 4:245. "More Than Words" - 5:346. "Money (In God We Trust)" - 4:117. "It('s A Monster)" - 4:248. "Pornograffitti" - 6:159. "When I First Kissed You" - 4:0010. "Suzie (Wants Her All Day What?)" - 3:3811. "He-Man Woman Hater" (with intro) - 6:2012. "Song For Love" - 5:5513. "Hole Hearted" - 3:39
http://www.filesend.net/download.php?f=ad539107881bb64d81f2300337e46ddf

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

Accept - Objection Overruled (1993)


1. Objection Overruled 2. I Don''t Wanna Be Like You 3. Protectors of Terror 4. Slaves to Metal 5. All or Nothing 6. Bulletproof 7. Amamos la Vida 8. Sick, Dirty and Mean 9. Donation 10. Just by My Own 11. This One''s for You

เดอะพีเพิล - ขาวและดำ

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

Gamma Ray - Heading For Tomorrow - 1990

01. Welcome
02. Lust For Life
03. Heaven Can Wait
04. Space Eater
05. Money
06. The Silence
07. Hold Your Ground
08. Free Time
09. Heading For Tomorrow
10. Look at Yourself
11. Mr. Outlaw (Bonus Track)
12. Lonesome Stranger (Bonus Track)
13. Sail On (Bonus Track)

Mr. Big - Bump Ahead - 1993


1. Colorado Bulldog
2. Price You Gotta Pay
3. Promise Her The Moon
4. What's It Gonna Be
5. Wild World
6. Mr. Gone
7. The Whole World's Gonna
8. Nothing But Love
9. Temperamental
10. Ain't Seen Love Like That
11. Mr. Big
Line-up:
Eric Martin - vocal
Paul Gilbert - guitarra
Billy Sheehan - baixo
Pat Torpey - bateria
http://www.mediafire.com/?h0jxdcxgbwc

เพลงของวง เนื้อกับหนัง Flesh & Skin 16 เพลง

สมาชิกวง
จุมพฏ เลขะพันธุ์ (Jumpot) - Guitar/ Vocalsชนินท์ กัทลีนดะพันธุ์ (Charnin) - Drums/ Guitar/ Vocalsชานนท์ ทองคง (Charnon) - Bass/ Vocals

วงเฮฟวี่ ภาคภาษาไทย วงแรกแห่งกรุงสยาม
เนื้อกับหนังนี่ ผมถือว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการเพลงเฮฟวี่ภาคภาษาไทยวงแรก และเฮียวิฑูร วทัญญู คือผู้มีส่วนในการจุดประกาย ยุคนั้น มันยากมากที่จะให้คนฟังยอมรับ เพราะมันเป็นยุคดนตรีเฮฟวี่ฝรั่งกำลังรุ่งเรือง ส่วนเพลงไทยก็กำลังเข้าสู่ยุค อ๊อด คีรีบูน,ชมพู ฟรุตตี้ เนื้อกับหนังจึงฟังกันในวงแคบๆ ไม่นึกว่ามาถึงวันนี้ จะกลายเป็นตำนานของแท้ที่หาฟังยาก
ชุดแรกชื่อ ฆาต-กัญชา เพราะสมัยที่ก่อนเทปจะออก มีการโปรโมททางวิทยุของคุณวิฑูรเองแกพูดเองตลอดตามสไตล์ของแกเอง ยิงสป้อตเยอะมากนะครับ ใครเคยฟังรุ่นนั้นทันแบบผม ได้ยินกันทุกคนล่ะครับและยุคนั้นผมก็ฟังมันทั้งวันทั้งคืน ยังจำได้ว่าแกพูดเองในสป็อต จำไม่ได้หมด แต่ประมาณว่า..."ศิลปินไทย ในนามคณะเนื้อกับหนัง flesh&skin.....ฆาต-กัญชา......ออนป้าจัดจำหน่ายทุกแผงเทป"

" ดนตรี HEAVY METAL แต่เดิมเริ่มแรกในเมืองไทยเราใช้คำว่า UNDERGROUND MUSIC แล้วก็ค่อยมีคำว่า HARD ROCK มาแทน จนภายหลังถึงกลับมาเรียก HEAVY METAL "............." คณะเนื้อกับหนัง" แรกเริ่มมาจาก " จุมพฏ เลขะพันธ์ " (ปู) หรือที่กันว่า " สาย " ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ ในตอนนั้นเขาอายุ ประมาณ 10 ขวบ เป็นเด็กที่ชอบในดนตรีเฮฟวี่ เข้าไ ปหา " คุณวิฑูร " ซึ่งเป็น ดีเจ จัดรายการวิทยุเพลงสากลในแนวเฮฟวี่ ที่สถานีวิทยุทหารอากาศ ทุ่งมหาเมฆ ขณะนั้น " จุมพฏ " ยังเรียนอยู่ที่ รร.สาธิต จากนั้นจนโตแล้วก็หายไป กลับมาอีกครั้งในตอน " จุมพฏ " อายุประมาณ 20 ปี แล้วก็บอกกับ" คุณ วิฑูร " ว่าตั้งวงดนตร ีกับเพื่อน ในแบบ เฮพวี่เนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดยแต่งเนื้อ และทำนองเอง ร่วมกับเพือนอีก 2 คน มี ชนินท์ กัทลีนดะพันธ (กลอง) และ ชานนท์ ทองคง (เบส) คุณวิฑูร ก็ให้การสนับสนุน แล้วก็เข้าห้องอัดเสียงเล่นๆ ที่โรต้า ซึ่งเป็นห้องอัดแบบถูกๆ วันละ 1500 บาท ใช้เวลาอัดไป 10 วันก็เสร็จ ลงทุนไป 10000 กว่าบาท ก็ปล่อยออกมาชุดแรกของ เนื้อกับหนังที่มีรูปปกทลายกำแพง ชุด ฆาตกัญชา (จัดจำหน่ายโดย ออนป้า) ในประมาณปี 2527 และ มีเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม ที่มีคนมากมายรู้จัก.............หลังจากนั้นก็ปล่อยอัลบั้มออกมา อย่างต่อเนื่อง " ท่านคือ....ผู้ยิ่งใหญ่ (~2528) "(จัดจำหน่ายโดย โรต้า) , " อตฺต หิ อตฺโน นาโถ " (~2529) (จัดจำหน่ายโดย อาร์เอสซาวด์) , " ฟ้าประกาศิต " (~2532) (จัดจำหน่ายโดย อามีโก้) เป็นอัลบั้มรวมเพลง มีเพิ่มเพลงใหม่ 2 เพลง คือ เพลงฟ้าประกาศิต และ น้ำท่วม-น้ำใจ ส่วนงานคอนเสิร์ตก็มีเล่นบ้างตามงาน ที่สนามหลวงและงานอื่นๆ หลังจากนั้นก็เงียบไปนาน .............จนประมาณ ปี 2536 ก็ออกอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 " มโน สาเร่ " ออกในสังกัด ท็อปไลน์มิวสิค (จัดจำหน่ายโดย ไดมอนด์ซาวด์) หลังจากนั้นก็ถึงจุดจบของวง เมื่อสมาชิกคนหนึ่งต้องเสียชีวิตไป คือมือกลอง และร้องนำ " ชนินท์ " ทำให้ทางวงต้องเงียบหายไปทิ้งไว้เฉพาะผลงาน 4 อัลบั้มเต็ม, 2 อัลบั้มรวมเพลง และ 3 อัลบั้มเพลงบรรเลง กีต้าร์(มีเพิ่มเพลงร้อง เป็นเพลงดังใน เวอร์ชั่นใหม่ ในแต่ละอัลบั้มเพลงบรรเลง) ซึ่งทั้งหมดเป็นงานในแบบ อันเดอร์กราวด์ โดยแท้ ในการลงทุนทำเองแทบทั้งหมด และแทบไม่มีสื่อใดๆในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ มากมายนัก .............หลังจากนั้นในปีเดียวกัน (2536) ทางสังกัด Top Teen Talent ของคุณวิฑูร ได้ปล่อยอัลบั้มทุกชุด (ยกเว้นชุดที่ 4) ออกมาอีกครั้งจัดจำหน่ายโดย อามิโก้ (โดยบางอัลบั้มได้มีการเปลี่ยนปก แต่ก็ใกล้เคียงปกเดิม) และหวังว่าสมาชิกที่เหลือ และคุณวิฑูร ยังไม่ละทิ้งอุดมการณ์ และกลับมาอีกครั้ง สำหรับวง Heavy Hard Hot ภาคภาษาไทย วงแรกของประเทศสยาม
วงดนตรีที่สมาชิกวงเคยร่วมงาน:จุมพฏ เลขะพันธ - Guitar, Vocals:- (ช่วงประมาณปี 2524 - 2526) วง NAON ( นาอ้อน ) มีสมาชิกโป่ง ปฐมพงษ์ ( ร้องนำ ), พิทักษ์ ศรีสังข์ (เบส) , จุมพต เลขะพันธ์ (กีตาร์) และ มือกลอง ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่ชายของ พิทักษ์ ศรีสังข์ ที่ ชื่อ เทพ หรือเปล่า?วงนี้เคยไปเล่นในงานดนตรีที่คุณ วิฑูร วทัญญู จัดขึ้นที่โรงหนังเอเธนส์ ทุกเช้าวันอาทิตย์ ในสมัยนั้น เล่นในสไตล์เฮฟวี่
ชานนท์ ทองคง - Bass, Vocals :- (ช่วงประมาณปี 2532 - 2535) วงของ เทียรี่ เมฆวัฒนา เล่นเป็นแบ็คอัพในงานเดี่ยวของเทียรี่- (ช่วงประมาณปี ???? - ????) เคยถูกทาบทามให้ไปร่วมวง Hi-Rock สมัยก่อนออกเทปชุดแรก ตอนนั้น ชานนท์ เล่นอยู่คอกเทลเลานจ์แถมพระราม 9 เงินดีพอสมควร จึงไม่ได้ไปเล่นด้วย อีกอย่างอาจเพราะวัยต่างกันนิดๆเลยไม่ไปก็เป็นได้
ชนินท์ กัทลีนดะพันธุ์ - Drums, Guitar, Vocals: - (ช่วงประมาณปี ???? - ????) (ข้อมูลจากปกเทปวง Silly Fools ชุดแรกที่ออกกับ Bakery) เข้าใจว่ามีสายสัมพันธ์กันกับวงพอสมควร ถึงมีการกล่าวไว้ในปกเทปเช่นนั้น บางทีวง Silly Fools อาจได้รับการสอนมาจากมือกลอง เนื้อกับหนัง ก็เป็นได้

เนื้อกับหนัง วงนี้ประกาศว่า เป็น แนว heavy hard hot วงแรก ของประเทศไทย ทำเทป ออกมาเท่าที่ผมพบตอนนี้ 8 ชุด สิบกว่าปกแต่ไม่ได้เข้าค่ายเพลง มีเพลงที่เด่นๆ คือ ฆาตะกัญชา เล่นดนตรี และ ร้องได้อย่างสะใจ
เพลงของวงเนื้อกับหนัง Flesh & Skin ที่เป็นเพลงร้องทั้งหมดที่ผมมีครับ แต่ไม่รู้ว่าเพลงไหนชื่ออะไร คือโหลดมาจากไหนก็จำไม่ได้ มีทั้งหมด 16 เพลงพอค้นกูเกิ้ล ก็พบว่าไม่มีชุดไหนมี 16 เพลง -*- ก็เลยไม่ได้ใส่ชื่อเพลงให้นะครับ ยกเว้นเพลงแรกคือ ฆาตะกัญชาที่พอจะรู้จัก ^^" ดังนั้น ถ้าใครรู้ก็ช่วยโพสต์บอกเพื่อนๆและผมด้วย
Flesh & Skin1-5.rarhttp://www.zidoupload.com/f-4opHfNlJ

Flesh & Skin6-10.rarhttp://www.zidoupload.com/f-Gf4fViSL

Flesh & Skin11-16.rarhttp://www.zidoupload.com/f-cVS3HS4N

แหลม มอริสัน กับ สตูดิโออัลบั้ม - Forever

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

กิตติ กาญจนสถิตย์ สายธารใต้ขุนเขา



กิตติ กาญจนสถิตย์ เจ้าของฉายา กิตติ กีตาร์ปืน นักกีตาร์ร็อก อดีตหัวหน้าวงคาไลโดสโคป ซึ่งมีเอกลักษณ์คือ ใช้กีตาร์ไฟฟ้าที่สั่งผลิตพิเศษเป็นรูปปืน
กิตติเป็นนักกีต้าร์แนวร็อคเคยมีผลงานโซโลอัลบั้มของตนเอง นอกจากนี้ยังได้ก่อตั้งโรงเรียนสอนดนตรีโดยมีเพื่อนฝูงในวงการให้การสนับสนุน กิตติยังคงเล่นดนตรีแนวร็อคที่ตนเองชอบอยู่ที่พัทยาใต้
ผลงาน
ปี 2521 กิตติ และวงคาไลโดสโคป ตัดสินใจเตรียมเดินทางไปผจญภัยยังต่างแดน แต่ก่อนจะไปได้ออกผลงานเพลงในรูปแผ่นสียงชุดหนึ่งกับค่าย EMI ในสมัยที่ระย้า หรือ ประเสริฐ พงศ์ธนานิกร เป็นผู้จัดการบริษัทและเป็นโปรดิวเซอร์เพลงชุดนี้ด้วย
ปี 2522 เดินทางไปเล่นดนตรีที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมือง Wellington โดยมีสัญญาเล่นที่คลับแห่งหนึ่ง ชื่อ Spat’s เป็นเวลา 1 ปี
หลังจากนั้นไม่นาน กิตติ กับ มือเบสวง V.I.P แป๋ง-นิวัติ กองแก้วได้รวบรวมตัวนักดนตรีขึ้นใหม่ในนาม
วง ‘ นิวเวฟ ’ (New wave) พร้อมด้วยสมาชิกอีก 3 คน คือ ชูชาติ หนูด้วง หรือ โก้ คาราบาว กลอง ,
สมโชค เล้าเปี่ยมทอง กีต้าร์ ส่วนนักร้องนำชื่อ จี๊ด-จรัส บุญกลิ่น อดีตนักร้องวงเฮฟวี่ เมาท์เทน รวมเป็นสมาชิก 5 คน
แสดงดนตรีตามสถานที่ต่างๆในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และยังได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงประเทศเยอรมนี
กิตติ กาญจนสถิตย์ ได้สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ ในวงการดนตรีเมืองไทยนั่นคือ การสร้างกีต้าร์ไฟฟ้ารูปทรงปืน
ทำให้ชื่อเสียงโด่งดัง จนได้รับสมญานามว่า กิตติ กีต้าร์ปืน จากนักจัดรายการสุดฮิตในเวลานั้นนาม วิฑูร วทัญญู
ปี 2523 กิตติ กีต้าร์ปืน กลับมารวมตัวกันใหม่กับ วงคาไลโดสโคป และได้ออกผลงานชุด Medley Smoke ในนามค่ายนิธิทัศน์ซึ่งเป็นค่ายเพลงใหญ่ในเวลานั้นพร้อมกับมีกา รตระเวนแสดงดนตรีไปทั่วประเทศขณะเดียวกันทางทีวีก็มีการโปรโมทเทปชุดนี้จนทำให้ชื่อเสียงของกิตติ กีต้าร์ปืนกับวงคาไลโดสโคป ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบเพลงในสไตล์ Rock และ Heavy เป็นอย่างมาก
ปี 2524 ได้ออกผลงานชุด Medley Rod Stewart สังกัดค่ายนิธิทัศน์โปรโมชั่น
ปี 2525 กิตติ กีต้าร์ปืน กับวงคาไลโดสโคปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้กับเครื่องดื่มเป็ปซี่
ปี 2526 เป็นมือกีต้าร์รับเชิญให้กับวงร็อคเคสตร้า ชุดวิทยาศาตร์ สังกัดค่ายนิธิทัศน์โปรโมชั่น
ปี 2527 ออกผลงานคู่กับ แหลม มอริสัน ชุด King Of Rock ‘n Roll
กลางปี 2528 กิตติ กีต้าร์ปืน ประกาศเลิกเล่นดนตรีตามผับตามบาร์โดยสิ้นเชิง เพื่อเปิดสอนกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยตนเอง
ปี 2529 สถาบันสอนดนตรีชื่อ " บ้านประชาชน " ในย่านแฮปปี้แลนด์ บางกะปิกรุงเทพฯ จึงเกิดขึ้น และถูกยกระดับการเรียนการสอนให้เป็นโรงเรียนที่ได้รับการอนุมัติ หลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเรียนจบแล้วลูกศิษย์ลูกหาจะได้มีใบประกาศนียบัตรรับรองอย่ างเป็นทางการ และเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจากบ้านประชาชน เป็น โรงเรียนดนตรี กิตติ กีต้าร์ปืน
ผ่านมากระทั่งทุกวันนิ้ สถาบันดนตรีแห่งนี้ได้ก้าวขึ้น ปีที่ 20 มอบวิชาความรู้ด้านดนตรีแก่ เยาชน และผู้สนใจทั่วไปนับได้เป็นพันคน ทั้งกีต้าร์ไฟฟ้า แนวร็อค เฮฟวี่ บลูส์ ป๊อป รวมถึงกีต้าร์คลาสสิค , เบส , กลอง , เปียโน
เรียบเรียงเสียงประสาน , วิชาขับร้อง - ฝึกร้องเพลง และคอร์สพิเศษ Sound Engineer เรียนรู้เกี่ยวกับการบันทึกเสียง
นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมทางดนตรีอีกมากมาย เช่น การประกวดแข่งขันวงดนตรีในชื่อ Battle of Bands รวมถึงการจัดเวิร์คชอปทางดนตรี ให้กับสถาบันต่างๆอีกด้วย
27 ธันวาคม 2530 คาราบาว ได้เชิญไปแสดงคอนเสิร์ต ‘ อีสานเขียว ’ โครงการโดยกองทัพบก ณ สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต
ปี 2531 คอนเสิร์ต เวลคัม ทู อีสาน เขียว ที่อเมริกา ซานฟรานซิสโก กับวงคาราบาว และเพื่อนศิลปิน
ปี 2532 ออกอัลบั้มชื่อว่า ‘ สายธารใต้ขุนเขา ’ ซึ่งอำนวยการผลิตโดย ระย้า ในนามค่ายรถไฟดนตรี
ปี 2538 ออกอัลบั้มชุด ‘ สูงสุดสู่อัศจรรย์ ’( เพลงบรรเลงทั้งชุด ) สังกัด ‘ คิท เมททัล มิวสิค จำกัด ’
ปี 2540 กิตติออกอัลบั้มชุด กีต้าร์ปืนและได้นักร้องเสียงดีคือ โจ ร็อค หรือ อภิสิทธ์ ถิระวัฒน์ มาเป็นนักร้องนำชุดนี้สังกัด เอ็มสแควร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บันทึกเสียงที่ Kit Metal Studio
จุดเด่นของอัลบั้ม จิมมี่ วอลโด (Jimmy Waldo) อดีตมือคีย์บอร์ดวง Quiet Riot และวง Alcatrazz เป็นผู้มิกซ์เสียงให้ที่ห้องอัด Media Sonix Ca. สหรัฐอเมริกา
ทุกวันนี้ กิตติ กีต้าร์ปืน เปิดโรงเรียนสอนดนตรีที่แฮปปี้แลนด์เป็นหลัก นอกนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ เครื่องดนตรี ซึ่งเป็นยี่ห้อของตนเอง ในนาม Guitar Gun อีกทั้งจำหน่ายเครื่องดนตรียี่ห้ออื่นๆ และห้องซ้อมดนตรี
รวมทั้ง ‘ โครงการพิเศษ ’ อื่นๆ อีกมากมาย และเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตร็อคหลายครั้งด้วยกัน รวมถึงคอนเสิร์ตที่ร่วมกับ
แกรี่ บาร์เด้น (Gary Barden) อดีตนักร้องนำวงไมเคิล เชงเกอร์ กร..๊ป (M.S.G.) ตระเวนจัดทัวร์คอนเสิร์ต
ในนาม Kitti guitar gun Production ใช้ชื่อว่าคอนเสิร์ต ‘ ร็อค โลก ร็อค ไทย ’
ครั้งล่าสุดที่ผลักดันให้เกิดคือ ‘The Legend of Rock Star Concert’ คอนเสิร์ตแห่งตำนานร็อค
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2546 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีโดยไอทีวี เป็นผู้จัด

1. 02 - เฮฟวี่รำพัน - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (3:39)2. 03 - สูบเข้าไป - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (4:27)3. 04 - ย้อนเวลา - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (2:30)4. 05 - กลัว - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (4:01)5. 06 - บาดเจ็บ - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (5:09)6. 07 - จริงจัง - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (3:02)7. 08 - อย่าวอแว - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (1) (3:18)8. 09 - ทนทาน - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (3:13)9. 10 - เลวเลยดีไหม - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (3:36)10. 01 - สายธารใต้ขุนเขา - กิตติ กาญจนสถิตย์ (กีตาร์ปืน) (3:12)


ชัคกี้ ธัญรัตน์ - พาฝัน

1. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 01. พาฝัน (3:25)2. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 02. มั่นใจ (4:12)3. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 03. พรุ่งนี้ยังมี (3:42)4. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 04. คนจนจน (3:20)5. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 05. อำนาจเงิน (3:33)6. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 06. ไม่มีแล้ว (4:34)7. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 07. กฎเกณฑ์ (3:33)8. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 08. ใช่เลย (3:27)9. ชัคกี้ ธัญรัตน์ และวงบลูแพลเนท - 09. เรือเร่ (3:49)
นักฟังเพลงรุ่นใหม่ๆ คงจะไม่มีใครรู้จักชัคกี้สักเท่าไหร่ หากจะเป็นนักฟังเพลงในยุคเก่าๆ สักหน่อย ชัคกี้ ธัญรัตน์ เจ้าของฉายากีต้าร์เทพแห่งเมืองไทย เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือเยี่ยมทั้งเมืองไทยและต่างประเทศทีเดียว ในเมืองไทยมีมือกีตาร์ร็อคเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือกีต้าร์ของไทย ที่มีก็คือ แหลม มอริสัน กีต้าร์คิงส์, กิตติ กีต้าร์ปืน, ช.อ้น ณ บางช้าง และชัคกี้ กีต้าร์เทพคนนี้ ชัคกี้ได้ไปศึกษาด้านดนตรีในต่างประเทศ เคยร่วมงานกับวง ROCKESTRA ชุด TECHNOLOGY และออกงานชุดศรัทธานี้ จากนั้นเคยเข้าไปร่วมเล่นในวงคาไลโดสโคป เคยไปร่วมรับเชิญเล่นในวงต่างๆ และกลับมาตั้งวงใหม่คือ BLUE PLANET ที่มี ปูแบล็คเฮด เป็นนักร้องนำ ชัคกี้จบทางด้านดนตรีจากอเมริกา และเป็นนักดนตรีรับจ้างที่มี UNION CARD ที่ต่างประเทศสามารถดึงตัวไปร่วมงานได้ทันที เป็นนักดนตรีที่รู้เรื่องโน้ตเป็นอย่างดี งานในชุดนี้เป็นงานเพลงที่มีเนื้อหาเป็นเพลงเพื่อชีวิต แต่ดนตรีเป็นแนวป๊อบร็อคธรรมดาที่นำเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ซินธิไซเซอร์ มาผสมผสานเพื่อให้เพลงทันสมัย เสียงร้องของชัคกี้อาจจะฟังยากไปสักหน่อย งานในชุดนี้มี อู๊ด ยานนาวา ตีกลอง, และมงคล อุทก เล่น ฮาโมนิกา งานเพลงส่วนใหญ่แต่งเนื้อร้องโดย หงา คาราวาน และมี ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล ร่วมแต่งอีก 1 เพลง งานชุดนี้ไม่ได้เน้นในความเป็นกีต้าร์ระดับต้นๆ ของประเทศ แต่จะเน้นถึงความละเมียดละไมในการเรียบเรียงดนตรีและเมโลดี้ในเพลงแต่ละเพลงที่ไพเราะ แม้เสียงร้องของชัคกี้จะไม่ไพเราะมากนัก แต่ถ้าได้ฟังบ่อยๆ จะรู้สึกได้ว่าเสียงน่าฟังยิ่งนัก เสียงกีต้าร์ที่ได้ยินในชุดนี้จะนิ่ง ใส สงบ และนุ่มนวล ดังฉายากีต้าร์เทพของเขา แม้ว่าชัคกี้จะเสียชีวิตมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีบทเพลงของเขาที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน มีคนกล่าวถึงงานของเขาตลอด และมีอีกชุดหนึ่งที่ชัคกี้ตั้งวงและร่วมเล่นกีต้าร์คือวง WHITE MAGIC ีวงนี้เล่นดนตรีค่อนข้างหนักพอสมควร หากใครอยากรู้ว่าชัคกี้มีความสามารถอย่างไร และคำว่า "กีต้าร์เทพ" ในฉายาของเขาได้มาอย่างไร ก็ต้องไปลองฟังเพลง ฮิโรชิม่า ของวงคาราวานในชุด 1985 ของวงคาราวาน คุณจะรู้สึกว่าเขาโซโล่ได้พริ้วน่าฟังทีเดียว และทางวงคาราวานเคยบอกไว้ว่า คุณชัคกี้ โซโล่เพลงนี้ในห้องบันทึกเสียงเสร็จเรียบร้อย เขาก็กล่าวว่า เขาคงจะไม่สามารถโซโล่เพลงนี้ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เพราะลีลาท่วงท่าและอารมณ์ เขาได้ถ่ายถอดลงไปหมดแล้ว และอีกเพลงคือเพลง แม้เราจะไม่พบกัน ของคาราวานในชุดอานนท์ เพลงนี้ก็เป็นเพลงช้าที่มีท่อนโซโล่ที่รวดเร็ว หาคนที่จะทำเพลงและกล้าที่จะโซโล่ได้แบบนี้ได้ยากในปัจจุบัน งานคอนเสิร์ตอำลาชัคกี้ที่จัดขึ้นที่ ROCK PUB ซึ่งผมก็เข้าไปร่วมไว้อาลัย ตอนที่ชัคกี้เสียชีวิตใหม่ๆ มีศิลปินต่างๆ มามากมาย ซึ่งศิลปินบางท่านก็มาร่วมไว้อาลัย ซึ่งไม่ได้มีรายชื่อในตารางคอนเสิร์ตครั้งนั้น งานนี้เป็นงานเล็กๆ จุคนเพียง 100 คน บัตรราคา 500 บาท มีศิลปินที่มาร่วมงานดังนี้ คาราวาน, แบล็คเฮด, อารักษ์ อาภากาศ, ร็อคเคสตร้า, ทีมงานไมล์สโตนทุกคนและมาโนช, แหลมมอรอสัน, กิตติ กีต้าร์ปืน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการประมูลเทปชัคกี้ที่ทำขึ้นมาขายในงานโดยเฉพาะ และเทปชุดศรัทธากับ BLUE PLANET พร้อมลายเซ็นของศิลปินทุกๆ คนในงาน ในราคา 3 ม้วน 2,000 บาท แต่ผมไม่ได้ประมูลมานะครับ นั่งดูเฉยๆ แต่วันนั้นทุกๆ ท่านเล่นเพลงได้ดีมาก และมีน้าหมู พงษ์เทพ มาร่วมด้วย เขาร้องเพลง "วันลา" ซึ่ง เข้ากับบรรยากาศมาก พงษ์เทพร้องเพลงไป พูดไป และสุดท้ายก็ร้องไห้ไปกับการจากไปของศิลปินไทยที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือระดับประเทศของไทย แต่ไฉนถึงไร้ซึ่งชื่อเสียงและการจากไปของเขาทำไมถึงเงียบอย่างนี้ อยากให้คนไทยทุกๆ คนได้รับรู้ไว้ว่า เมืองไทยขาดมือกีต้าร์ระดับประเทศไปหนึ่งคนแล้วนะ แต่งานเพลงของเขายังอยู่ตลอดไป.................ชัคกี้ ธัญรัตน์
ด้วยความที่ฝีมือกีตาร์ของ "ชัคกี้" อยู่ในระดับที่ถ้าเป็นเด็กสมัยนี้ต้องเรียกว่า "โคตรเทพ" ทำให้เมื่อก่อนนี้ มีคนลือกันว่า "ชัคกี้" ขายวิญญาณให้กับปิศาจเพื่อแลกกับพรสวรรค์ทางกีตาร์ของตัวเอง ซึ่งเรื่องเล่าในลักษณะนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในเวลาที่พูดถึงนักดนตรีในกลุ่ม Guitar Hero เช่น Joe Satriani หรือ Steve Vai 2 อาจารย์-ศิษย์ อดีตนักกีตาร์มือหนึ่งของโลกเรื่องเล่ามีอยู่ว่า นักกีตาร์คนไหนที่ต้องการขายวิญญาณให้ปิศาจเพื่อแลกพรสวรรค์ให้กับตัวเอง จะต้องไปยืนเล่นกีตาร์บนทางสามแพร่งในคืนที่ดึกสงัดและมืดมิดเพียงลำพัง .. แล้วจากนักปิศาจก็จะมาพบกับเขา เพื่อขอแลกวิญญาณโดยสมัยก่อนตัวของ "ชัคกี้" เองก็เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า หลายครั้งที่เขาเล่นกีตาร์ มันเหมือนกับมีเสียงกระซิบที่ข้างหู เพื่อบอกให้เขาเล่นไปตามนั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ใครหลายคนมองว่า เขาบ้า .. แต่ความจริงจะเป็นอย่างไร คงไม่มีสามารถให้คำตอบได้ดีเท่ากับตัวของเขา และเสียงกีตาร์ของเขาเอง---------อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าดูที่หน้าปกเทปชุดนี้ จะเห็นหน้าตาสมาชิกวงเดอะบลูแพลนเน็ตด้วย และ ถ้าฟังเสียงนักร้องนำแล้วรู้สึกคุ้นๆ ไม่ต้องแปลกใจครับ "ปู แบล็กเฮด" นั่นเอง สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดคุณปูกับเดอะบลูแพลนเน็ตเล่นอยู่ที่พัทยานะ .. อันนี้ไม่แน่ใจ ผิดพลาดขออภัย
มาเติมอีกนิดครับชัคกี้ ธัญญรัตน์ หรือ บุ๋ม นักกีตาร์ฝีมือดี ที่ได้รับการยอมรับ จนได้รับฉายาว่า กีตาร์เทพเขาจบวิชาการดนตรีจาก บอสตัน อเมริกาเป็นคนแรกๆของประเทศไทย ที่เล่น strat และเทคนิคแบบ Van Halen คือเล่น two hands apegio และ เล่น harmonics บางคนบอกว่า เพลง แม้เราจะไม่พบกัน" ..ท่อน Solo เพลงนี้รู้สึกว่าจะเป็นอมตะ เหมือนๆกับท่าน Solo เพลง Beat it ของ Michael Jackson เลยเพลงนี้เพลงช้าที่มีท่อนโซโล่ที่รวดเร็ว หาคนที่จะทำเพลงและกล้าที่จะโซโล่แบบนี้ได้ยากแม้ว่า ปํจจุบัน เขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีคนพูดถึงผลงานของเขาจนถึงทุกวันนี้อัลบั้มที่เขาทำงานเดี่ยวและร่วมกับคนอื่นร็อคเคสตร้า - เทคโนโลยี (2527)ร็อคเคสตร้า - Special One (2528)ชัคกี้ ธัญญรัตน์ - ศรัทธา (2528)คาไลโดสโคป - กระชากใจคาราวาน - อานนท์คาราวาน - 1985ชัคกี้ ธัญญรัตน์ และ บลูแพลนเนตไวท์ แมจิคโดม มาร์ติน - กุหลาบไฟ [7]

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551

Terence - An Eye For An Ear (Mindblowing US Psych/Rock 1969)


01. An Eye for An Ear02. Rap03. Second City Song04. Power05. Exiles06. Fool Amid the Traffic07. Priscilla08. Lighting Frederick's Fire09. The Emperor10. Does It Feel Better Now?

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

Mr. Big - Mr. Big - 1989


1. Addicted To That Rush2. Wind Me Up3. Merciless4. Had Enough5. Blame It On My Youth6. Take A Walk7. Big Love8. How Can You Do What You Do9. Anything For You10. Rock & Roll Over11. 30 Days In The Hole [Humble Pie cover]

Lynyrd Skynyrd - Pronounced 'lêh-'nêrd 'skin-'nérd - 1973


1. I Ain't The One2. Tuesday's Gone3. Gimme Three Steps4. Simple Man5. Things Goin' On6. Mississipi Kid7. Poison Whiskey8. Free Bird

Lynyrd Skynyrd - Second Helping - 1974


1. Sweet Home Alabama
2. I Need You
3. Don't Ask Me No Questions
4. Workin' For MCA
5. The Ballad Of Curtis Loew
6. Swamp Music
7. Needle And The Spoon
8. Call Me The Breeze

Mr. Big - Lean Into It - 1991


1. Daddy, Brother, Lover, Little Boy (The Electric Drill Song)
2. Alive and Kickin'
3. Green-Tinted Sixties Mind
4. CDFF: Lucky This Time
5. Voodoo Kiss
6. Never Say Never
7. Just Take My Heart
8. My Kinda Woman
9. A Little Too Loose
10. Road To Ruin
11. To Be With You
Line-up:
Eric Martin - vocal
Paul Gilbert - guitarra
Billy Sheehan - baixo
Pat Torpey - bateria
http://www.mediafire.com/?m1jzns91wht

Def Leppard - Hysteria - 1987


1. Women2. Rocket3. Animal4. Love Bites5. Pour Some Sugar On Me6. Armageddon It7. Gods of War8. Don't Shoot Shotgun9. Run Riot10. Hysteria11. Excitable12. Love and Affection

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551

Pentagram - The First Daze Here 1972-76 (US Outstanding Hardrock)



01. Forever My Queen (1973)02. When the Screams Come (1973)003. Walk in the Blue Light (1973)04. Starlady (197605. Lazylady (1972)06. Review Your Choices (1973)07. Hurricane (1973)08. Livin’ in a Ram’s Head (1974)09. Earth Flight (1974)10. 20 Buck Spin (1973)11. Be Forewarned (1972)12. Last Days Here (1974)

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2551

Peacepipe - Selftitled (Very Good US Heavy Psychedelia 1970)


01. Sea of Nightmares02. Angel of Love03. I Can Never Take Your Dreams Away04. Carry on Together05. Bikers Tune06. Open Your Mind07. Day the War Has Ended08. Love Shines09. Keep a Smilin' Cari10. Sun Won't Shine Forever11. Lazy River Blues

Black Sabbath - Tyr - 1990


Winger - Pull - 1993


วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

Boomerang - Boomerang (1971)



นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวงที่เล่นกันสุดยอดมากๆ
ห้ามพลาด !!!

1. Boomerang - Juke It (4:57)2. Boomerang - Fisherman (3:37)3. Boomerang - Hard Times (4:12)4. Boomerang - Mockingbird (4:04)5. Boomerang - Cynthia Fever (3:47)6. Boomerang - Brother's Comin' Home (4:46)7. Boomerang - The Peddler (5:20)

Jimi Hendrix - Martin Scorsese Presents The Blues



1- Red House (1967)2- Voodoo Chile (1968)3- Come On (Let The Good Times Roll)(1968)4- Georgia Blues (Prev. Unreleased 1969)5- Country Blues (Released 2000)6- Hear My Train A Comin' (1969)7- It's Too Bad (Released 2000)8- My Friend (Live)(1970)9- Blue Window (Prev. Unreleased 1969)10- Midnight Lightning

Jimi Hendrix - Blues (1994)


ลองดูประวัติของเค้าโดยละเอียดครับ
หากใครที่เล่นกีตาร์หรือเป็นนักฟังชั้นเทพ คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธว่าไม่รู้จักชายผู้นี้ เขาคือชายผู้สร้างตำนานที่ Woodstock อัจริยะผู้ที่ใคร ๆ ยกย่องว่าคืออันดับ 1 เเห่งวงการกีตาร์ ผู้ถูกร่ำลือว่าได้ขายวิญญาณให้กับซาตาน
Jimi Hendrix มีชื่อจริง ๆว่า จอห์นนี อัลเลน เฮนดริกซ์ เกิดวันที่ 27 พฤศจิกายน 1942 เป็นลูกของ Al Hendrix (อัล เฮนดริกซ์)ซึ่งในตอนเด็กพ่อของเขากำลังรับราชการทหารอยู่ ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เขาจึงต้องไปอยู่ตามบ้านญาติ ๆ เมื่อเขาอายุ 5 ขวบพ่อเขาก็พาไปเลี่ยนชื่อเป็น James marshell Hendrix (เจมส์ มาร์แชลล์ เฮนดริกซ์) ในวันที่ 11 กันยายน 1946 แต่เขากลับชอบเรียกตัวเองว่า “จิมมี่” เขาเริ่มฟังเพลงตามแผ่นเสียงที่พ่อของเขาสะสม และเริ่มเล่นกีตาร์คูสติค ( Acoustic Guitar)เมื่ออายุ 10 ขวบเมื่อย่างเข้าวัยรุ่น พ่อของเขาตัดสินใจขาย Saxsophone ของเขาเพื่อนำเงินไปซื้อกีตาร์ไฟฟ้า Supro Ozark สีขาว ตัวหนึ่งเป็นของขวัญ เขาเริ่มศึกษางานของเหล่ามือกีตาร์ Bluse เช่น B.B.King , Muddy Waters ต่อมาได้ไปเล่น Back up ในตำแหน่งกีตาร์ให้กับศิลปินหลายท่าน เช่น Ting Turner , Little Richard และ B.B.Kingจนเมื่อปี 1959 เขาจึงตั้งวงดนตรีแรกของเขาขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Rocking Kings จากนั้นเขาก็ไปเป็นทหารพลร่ม จนเมื่อปี 1961 ได้ลาออกจากราชการทหาร และหันมาทุ่มเทเวลาให้ดนตรีอย่างจริงจังและได้ออกเดินทางเล่นดนตรีไปทั่วสหรัฐฯในปี 1965 เขาได้ตั้งวงใหม่ของเขาขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Jimmy James And The Blues Flames ในวันที่ 5 กรกฎาคม 1966 วงดนตรีของเขาได้เดินทางไปเล่นยังร้านค้าแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก เขาได้เจอกับ ชาส แชนเลอร์ สมาชิกวง The Animals เชนเลอร์ประทับใจการเล่นกีตาร์ของเขามาก แชนเลอร์เดินทางไปอังกฤษกับ Hendrix จนในเดือนตุลาคมปี 1966 ได้มีการคัดเลือกเอา Noel Redding(โนเอล เรดดิง)มาเล่นเบส และMitch Mitchell(มิตช์ มิตเชล มาเล่นกลอง) และก็กลายมาเป็นวง The Jimi Hendrix Experience พร้อมกับออกอัลบัมแรกกับสังกัด Polydor ชื่อ Are You Experienced? มาในช่วงปลายเดือน ธันวาคม 1967 อัลบัมชุดนี้ก็กลายเป็นอัลบัมในตำนานไปแล้ว ในวันที่ 18 มิถุนายน 1967 เขาเดินทางกลับสหรัฐฯ และได้ไปแสดงที่เทศกาลดนตรี Monterey International Pop Festival หลังจากวันนั้นชื่อ Jimi Hendrix ก็ได้โดงดังไปทั่วและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในเดือนมกราคมปีต่อมา ก็ได้ออกอัลบัมชุดที่ 2 ชื่อ Axis:Bold As Love และออกอัลบัมชุดที่ 3 ในเดือนตุลาคมปี 1968 โดยใช้ชื่อว่า Electric Ladyland ในชุดนี้มี 2 แบบคือ 1.แบบ Censored 2.แบบ Uncensoredหลังจากนั้นประมาณ 1 ปีวง The Jimi Hendrix Experience ได้ปิดตัวลงหลังจากการเล่นคอนเสิร์ตร่วมกันครั้งสุดท้ายที่ไมล์ไฮสเตเดียม ที่แดนเวอร์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 1969แต่ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน (1969)เขาก่อตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่อีกครั้งในชื่อ Gypsys Suns and Rainbows เพื่อเล่นในเทศกาลดนตรี Woodstock Music and Art Fairอย่างไรก็ตาม วงดนตรีนี้ถูกยุบไปอย่างรวดเร็วในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ซึ่งหลังจากยุบวงแล้ว จิมมีพร้อมกับเพื่อนสมัยเป็นทหารที่ชื่อ บิลลี ค็อกซ์ ได้ตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่อีกครั้งในชื่อ The Band of Gypsys โดยบิลลีรับหน้าที่เป็นมือเบส แต่วง The Band of Gypsys ก็ได้เล่นคอนเสิร์ตร่วมกันเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้นก่อนจะยุบวงไปการแสดงครั้งสุดท้ายของพวกเขาก็คือ การแสดงที่เมดิสันสแควร์การ์เดน ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 28 มกราคม 1970 อัลบั้มบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนั้นออกตามมาในเดือนเมษายน พร้อมกับได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดยยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มบันทึกการแสดงที่ดีที่สุดตลอดกาลหลังจากยุบวง The Band of Gypsys แล้ว จิมมี เฮนดริกซ์จึงหันไปเปิดสตูดิโอบันทึกเสียงของตัวเขาเองที่ชื่อ Electric Lady Studios ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 1970 ต่อจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ จิมมีเดินทางไปยังกรุงลอนดอนและในวันที่ 17 กันยายน เขาได้แต่งเพลงสุดท้ายในชีวิตของเขาขึ้น คือเพลง “The Story of Life” ในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น ทั่วโลกต้องตกตะลึงหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของราชากีตาร์ จิมมี เฮนดริกซ์ มีการกล่าวถึงสาเหตุการตายของเขาว่าเกิดจากการสำลักอาเจียนของตัวเอง หลังจากที่กินยานอนหลับขนาดแรงเข้าไปถึง 9 เม็ดร่างไร้วิญญาณของเจ้าของตำนานเพลงร็อกผู้นี้ถูกนำกลับมายังบ้านเกิด โดยฝังไว้ที่สุสานกรีนวูด เมมโมเรียล ปาร์ก เมืองเรนตัน มลรัฐวอชิงตันจากวันนั้นจนถึงวันนี้ จิมมี เฮนดริกซ์ ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นมือกีตาร์ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมาหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เขารู้จักกับ Eric Clapton ราชากีตาร์คนที่แล้วด้วย Eric ยังเคยที่จะให้จิมมี่สอนเล่นกีตาร์คอด้านขวา(ปกติเลนกันคอด้านซ้าย)เพราะจิมมี่เป็นคนถนัดซ้าย(แต่ถึงยังไงจิมมี่ก็เล่นได้ทั้ง คอด้านซ้ายและขวา แถมยังเลนแบบคอคู่ได้ด้วย) แต่จิมมี่ยังไม่ทันได้สอน Eric เลย เขากลับเสียชีวิตไปก่อนซะงั้น
1- Hear My Train A Comin' (Acoustic)2- Born Under A Bad Sign3- Red House4- Catfish Blues5- Voodoo Chile Blues6- Mannish Boy7- Once I Had A Woman8- Bleeding Heart9- Jelly 29210- Electric Church Red House11- Hear My Train A Comin' (Electric)